ส่วนไอ้เรื่องที่เจ้ บ่นเรื่อยเปื่อย
เรื่องที่ เจ้เสือกหน้ามืด หลงไปติดแร้ว เสน่หา
ก๊ะ ไอ้หนุ่มคนล่าสุดเนี่ย
มันก็ไม่ได้ทรมานจะเป็นจะตาย
จนเลือดไหลซิบ ๆ อะไรหรอกนะ
เพียงแต่ รู้สึกว่า มันน่ารำคาญใจ
คล้าย กำลังโดน เสี้ยนตำตรีนน่ะ
คือ พอต้องมาหน้ามืดนั่งน้ำลายไหลยืด คิดถึงไอ้เวรนั่นบ่อย ๆ เข้า
เจ้ก็ชักจะ รู้สึกรำคาญกับความงี่เง่าของตัวเอง ว่ะ
เพราะ ปัจเจกอย่างเจ้ ไม่ชอบ ให้ ไอ้หน้าไหน
บังอาจมาสะแหล๋นแจ๋น สาระแนมาแผ่อิทธิพลมืด
ครอบงำความรู้สึกนึกคิด ของเจ้ มากเกินกว่า ที่เจ้จะเอ่ยปากอนุญาต อ่ะ
ยิ่งเห็นว่า ตัวเองเริ่ม ขุ่นมัว ขวางหูขวางตา
เวลาที่มองดูมัน ไปพูดคุยกระหนุงกระหนิงก๊ะ อิสาว อื่นอี๊กก
อะโหย เริ่ม ตระหนักขึ้นมาทันทีว่า
วงจรอุบาทว์ ของ ความยึดมั่นถือมั่น ของจิต
มันเริ่มวนลูป มาเกิดขึ้นกับกรู แบบในหนังเรื่อ เดอะ ริง อีกแว้วววววว
พอ เจองี้ หลาย ๆ ครั้งเข้า
ระบบเซนเซอร์ อันเป็นกลไกการป้องกันตัวเอง
มัน เก๊าะเลยเริ่มได้กลิ่นทะแม่ง ๆ ของอันตราย
รู้สึกว่า เฮ้ย อิ๋บอ๋ายแล้ว ไอ้5 นี่ มันชักเริ่มจะล้ำเส้น
กลายมาเป็น บ่วงรัดคอหอย เข้ามาคุกคามชีวิตอันแสนสุข
ในกะลามหาสนุก ของตรู ซะแระ สมควรที่ต้องหาทาง กำจัดทิ้ง !
อืม...ไม่รู้ดิ มันมีสัญชาตญาณ บางอย่าง
ทำให้ เกิดความรู้สึกอึดอัด เหมือนสัตว์สักตัว หนึ่ง
ที่กำลังจะ ติดแหง่ก ๆ อยู่ในบ่วงในแร้ว ที่มองไม่เห็นว่ะ
ก็เลยต้อง พยาม ตะเกียกตะกาย
หาทางหลุดออกจากบ่วงจากแร้วนั้น ให้ได้
เลยต้อง งัดเอา สารพัดวิธี มารับมือ ง่ะ
ไอ้ครั้นจะใช้ วิธีหลีกเลี่ยง
เบี่ยงไปโคจร คนละจักรวาลก๊ะมัน
แบบที่เคย ใช้ได้ผล ตอน ลงทุน เดินอ้อมโลก
เพื่อหลบหน้าหลบตา จะได้ไม่ต้องผ่านไปเจอหน้าใครบางคน ที่เริ่มรู้สึกว่า
มันก๊ะเจ้ เริ่มเกิดความรู้สึกชอบพอ ซึ่งกันและกัน
จนมันเริ่ม จะเป็นอันตราย กับ สวัสดิภาพและสงบสุขในชีวิต ของเจ้
แต่ คราวนี้ มันดันจบเห่ ไม่ยักกะเวิร์ค เหมือนครั้งนั้น ว่ะ
แมร่ง ถึงจะไม่เห็นหน้ากัน ไอ้หอยนี่ มั๊นก็ยังเข้ามาป้วนเปี้ยน
วิ่งเล่นอยู่ในความคิดของเจ้ตลอด ๆ
ไอ้ครั้นจะใช้หลัก อิทัปปจยตา มาโยนิโสฯ
หาความไม่เที่ยง ใน นิสัย ใจคอ แล สติปัญญา ของมัน
แบบตอนที่ เคยใช้ได้ผล เมื่อครั้งยัง หลงรูป พ่อดอกมะลิ
แมร่ง มันก็ดันไม่เวิร์ค ซะงั้นว่ะ เพราะไม่ว่าจะชำแหละแทะทึ้งไง
นิสัยใจคอ มันก็ยังเสือกถูกสเปค ถูกตาต้องใจ อิเจ้ไปซะโม๊ดดด
เลย อดที่จะคิดถึงมันมิด้ายยยย อ่ะซิก ๆ
สุดท้ายพอหักห้ามไอ้เจ้าความคิดถึงนั่นไม่ได้
ก็เลยได้แต่ มานั่งทอดอาลัย ปลอบใจ ตัวเอง อย่างปลง ๆ
ประมาณ ว่า เอาวะ ในเมื่อ จิตมันอยากจะคิดถึง
เมิงก็จงปล่อยให้มันคิดถึงไอ้หมอนั่นต่อ ไป
แต่ไงซะ เมิงก็จง สำเหนียก สำนึก และ ระลึก เอาไว้เสมอว่า
ไอ้เจ้าความคิดถึงพวกนี้ มันเกิดขึ้นเองได้
เดี๋ยวมั๊นก็จะต้อง ดับลงเองได้ ตามกฏแห่งไตรลักษณ์ เหมือนกัน ล่ะวะ
เช่นเดียวกับ ครั้งก่อน ๆ ที่มันเคยเกิด ๆ ดับ ๆ งี้เสมอแหล่ะเฮ้ออ น่าแปลกชะมัดเรยวุ้ย พอบอกตัวเองงี้ปุ๊บ
ไอ้เจ้าสติสตังมันก็มี แฮง กระชากตัวเองให้หลุดจากบ่วงจากแร้ว
เลิกแตกแถว และ เดินพาเหรด กลับมาเข้าที่เข้าทาง
อยู่ในระบบระเบียบ ในเมทริกซ์ที่สร้างไว้ได้เหมือนเดิม เรยว่ะ
ไอ้เจ้าความรู้สึก คิดถึงผลุ่บ ๆ โปล่ ๆ
ที่ห้ามแทบตาย มันก็ห้ามไม่เคยได้
จู่ ๆ มันก็ หายวับไปเฉย ๆ
รู้สึกเหมือน บ่วงรัดทั้งหลาย ที่เผลอเอามาผูกรัดไว้
มัน ค่อย ๆ คลายตัว ให้เราได้เป็นอิสระ
โดยที่เราไม่ต้องใช้ความพยามอะไรเลยอ่ะ
เล่นเอา งงเป็นไก่ตาแตกเรยนะ คิดแล้วก็ขำดีว่ะ อิอิ