ผู้เขียน หัวข้อ: บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน ฯ ( Episode 4 )  (อ่าน 29231 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ บัวผ่อง

  • www.facebook.com/maneemess
  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • ***
  • กระทู้: 196
  • พลังกัลยาณมิตร 33
    • maneemess
    • ดูรายละเอียด
    • www.facebook.com/maneemess
บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...
ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน
ก๊ะ เสือใบลานไม่เอาถ่าน ( Episode 4 )






อืม... หลังจากที่ Episode 3 โดนอุ้มไปจากห้อง พรรณาอักษร
ตอนนี้ ก็เลย ข้ามห้วย มาเปิด Episode 4 ที่ห้องโครตเกรียน แทนจร้าาา
แบ่บว่า ตั้งใจจะเอาไว้ แพล่มนู้นแพล่มนี่ ระบายฟามเก็บเกด
แล้วก็จะได้ใช้เป็น คลังแสง สะสมยาเบื่อ เอาไว้แจกชาวบ้าน ด้วยอ่ะ
เวลานึกครึ้ม อยากจะหยิบเอา ตัวหนังสือยาว ๆๆๆๆ
ไปอวดแควนขับ ที่อื่นจะได้  โยงลิงค์  จาก กระทู้นี้ ได้เรย สะดวกดีจะตาย
ไม่ต้องกลัวว่า โพสแล้วจะทำให้ กระทู้ + บล็อกชาวบ้าน มันอึด หรือโหลดนานด้วย อิอิ



เอาล่ะ ประเดิม  ด้วยการบ่นเรื่องนี้ ก็แระกัน เน๊าะ  :12:





บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน ก๊ะ เสือใบลานไม่เอาถ่าน ( Episode 4 )

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2012, 05:29:05 pm โดย บัวผ่อง »
.
หมายเหตุ

ถ้าพวกเมิง...เอ๊ย... เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลุง ๆป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ
ทนอ่าน ตัวหนังสือ ของกรู...เอ๊ย.... ของนู๋บี มิได้...

นู๋บี จา กลั้นใจตาย ( จิง ๆ น๊ะ ) อ่ะซิก ... อ่ะซิก...

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=bsonjb&month=09-2010&date=22&group=3&gblog=2



ออฟไลน์ บัวผ่อง

  • www.facebook.com/maneemess
  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • ***
  • กระทู้: 196
  • พลังกัลยาณมิตร 33
    • maneemess
    • ดูรายละเอียด
    • www.facebook.com/maneemess
อสุภะ - ราคะ - กามา แอนด์ เสน่หายาใจ
(โอ๊ยย กรู จะ เขี่ยมันทิ้งยังไงดีวะเนี่ย ?)





อืม...หลายคืนก่อนนู้นนนนนนนน
 ไปอ่านเจอกาทู้เนี๊ยะ

 http://board.palungjit.com/f10/อย่าไปยึดเลยกับร่างกายผู้หญิง-354130-2.html

อ้างถึง

Prophecy  ว่า



เปิดกระทู้ คนยึดกามราคะ ยังหลงผู้หญิง มาฟังผมเถอะครับ ท่าน
ผู้หญิงไม่ได้น่าสนใจอย่างที่คิดหรอกครับ โคตรเหม็นครับ มีแต่ขี้ข้างในตัว พอเราไม่อยู่ตดเอา ตดเอา นึกว่าผู้หญิงไม่ตดเหรอครับ ตดทั้งนั้นครับ จะดารา นักร้อง ก็ขี้ก็ตดทั้งนั้นแหละ ครับ ในตัวก็มีแต่ขี้


สิ่งที่ผมพูดไม่ผิดหรอกครับ ร่างกายมันทุเรศครับ ผมบอกว่าร่างกายผู้หญิงสกปรก ไม่ได้หมายความว่ามีความเห็นว่าร่างผู้ชายงามครับ สกปรกทั้งนั้นครับ

อันนี้ post แรก ผมยกตัวอย่างผู้หญิงเพราะผมพูดกับคุณผู้ชายครับ แต่ถ้าจะพูดกับผู้หญิง ก็คงจะบอกเหมือนกัน อย่าไปยึด ไปหลง เลยครับ ผู้ชาย มีแต่ขี้ครับ เหม็นครับ สกปรก ทำเป็นแต่งหล่อ จริงๆ ก็เหม็นเน่ากันทั้งนั้นครับ

ถ้าจะรักก็รักแบบเมตตาครับ อยากให้เขาได้ดี แต่อย่าไปหลงรักครับ ตามนั้น

ผมตั้งกระทู้นี้มา เจตนาคือ เห็นว่าคนยึดร่างกายกันมาก อยากให้เข้ามาอ่านให้เห็นความจริงครับ ยินดีสำหรับทุกท่านที่มาแสดงความเห็น

อยากให้ช่วยๆ กันครับ สำหรับคนที่ได้เห็นความจริงแล้วว่า ร่างกายมันทุเรศ สกปรก ขนาดไหน ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ครับ บางคนเห็นกระทู้ ก็รู้เจตนาผมแล้วครับ ว่าไม่ได้คิดไม่ดี ตรงกันข้าม อยากช่วยให้พี่น้องพลังจิตไม่ยึดกับร่างกายนั้นๆ

การคุยเรื่องความสกปรก น่าเกลียด ของร่างกาย เป็นเรื่องดีครับ



เก๊าะเรยนึกครึ้มอ่ะเจ้าค่ะ
เก๊าะเลยไปแจม ด้วย แบบเนี๊ยะ



อ้างถึง

นู๋บีว่า...

อืม... จะว่าไปการปลง อสุภะ ประมาณนี้น่ะ มันช่างเหมาะสม
แล คู่ควร ก๊ะ ไอ้พวกอิอ่อน เอ๊ย นักปฏิบัติ ชั้น ธรรมมานุบาล เสียนี่กระไร
แต่ ถ้ายังมีจิตนาการบรรเจิด เปรียบเทียบปรุงแต่ง ไปว่า
โน่นมันสกปรก นี่มันน่าเกลียดดดดดดดดด
แล้ว เมื่อไร มันจะ เก็ทสะเทือน กับ คำว่า ตถตา ล่ะหว่า ?


จะบอกอะไรให้ นะ การ ปลง อสุภะ น่ะ
มันเหมือนการพยาม ใช้ความฟุ้งซ่าน เพื่อ ตัดกาม นะ
มัน ใช้ได้ผลดีกับ การ ตัด กาม ในระดับ กระจอก ๆ
อาทิเช่น เรื่องของ ทวารทั้ง 5
( รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส )เท่านั้นแหล่ะ


แต่การตัด ทวารที่ 6 ( มโนทวาร )
ในเรื่องของการรู้สึกสนิทเสน่หาผูกพันธ์
ที่เกิดจาก การพอใจใน นิสัยใจคอ ความคิด ความดี
และ ปัญญาแหล่ม ๆ ของเพศตรงข้ามน่ะ
การปลง อสุภะ น่ะ เอาไม่อยู่หรอกจร้าาาา
เพราะว่า ไอ้เจ้า มโนทวาร น่ะ ถ้ามันถูกใจใคร ขึ้นมา
บางที มันถึงกับทำให้เรา เปลี่ยนแปลงความชอบแบบเดิม ๆ ได้เลยนะ
เคยมาแระ สยองชะมัดเรยตรู


นี่ ๆ จะบอกให้นะ ตอนอิฉัน หน้ามืด
เผลอไป ติดแร้วเสน่หาครั้งแรก
เพราะดันไป ติดเนื้อต้องใจ กับ พ่อดอกมะลิสุดหล่อ น่ะ
อิฉันอาศัย หลัก อิทัปปัจจัยตา มาโยนิโส
ค้นหารากเหง้า แห่ง ความหลงในรูป มาแก้ไข การกระเพื่อมในจิต ว่ะ


ส่วน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตอนที่ อิฉัน หน้ามืด
เผลอไปติดแร้วเสน่หา อีกครั้ง กับ ไอ้หนุ่มอีกคน
เพราะดันไป ถูกตาต้องใจ ใน ความคิด นิสัย และ ปัญญา ของมัน
ปรากฏว่า คราวนี้ การใช้ แค่ หลัก อิทัปปัจยตา
มาโยนิโส นี่ มันไม่พอซะแล้ว แฮะ
อิฉัน เก๊าะเลยงัด เอา หลักไตรลักษณ์ มาเจริญสติ
ให้เกิด อนิจจัง ลงใจ เอาว่ะ ก็เวิร์คดีนะ อิอิ


ปรากฏว่า แพล่มได้ไม่นานเท่าไร
ไอ้ตี๋จิกตีนฯ มันก็มา บ่นพึมพำเป็น หมีกินผึ้ง
ให้ฟังเกี่ยวกับเรื่อง นี้ ที่ บล็อกสุมหัวนินทาชาวบ้าน ให้ว่า



อ้างถึง

ฮาโหย
ตรงนี้จากที่เคย สู้มา ทั้งถลอกและเลือดซิบ งัดทุกอย่าง
เจ้ว่าอะไรที่ยั้งได้ ดีที่สุด
สติครับ แม้รสมันเย้ายวน แม้กลิ่นมันติดตรึง แหะๆ
ยิ่งกว่าตอนเลิกบุหรี่เสียอีก พอยกธรรมข้ออื่น มันหน้ามืดไปหมด
สมองตื้อ ร่างกาย ใจ มันเรียกร้อง รสสวาท
ตอนนั้น สติมันยั้งเอาไว้ว่าให้ตายก็จะต้องสู้กันให้ได้
พอผ่านศึกนั้นได้ เรื่องละเมิดในกายหมดจด
แต่หากใจมันยังมี เหอๆๆ ตายังดู คิดยังทำงาน มันตัดไม่ขาดขอรับ แม้นจะให้เด้งเป็นอสุภะคาตา ต่อมามันก็เอาอีก
ยิ้มรับ ยอมรับ และเพียร ต่อไปๆ
ปล.บทพิสูจน์เทือกนี้ มาเรื่อยๆขอรับ ว่ารับได้ป่าวๆ
   

โดย: จิกตีน(ป.ปราบ ฝากแบรนนน ) IP: 113.53.208.142 วันที่: 23 สิงหาคม 2555 เวลา:19:39:13 น.    









อ่านแล้วก็อยากจะ บอกเหลือเกินว่า
สำหรับ นักปฏิบัติตัวแม่ อย่างอิเจ้น่ะ
คิดว่า ไอ้เรื่อง พรรณนี้น่ะ อิตั้วเจ้ รับไหว  และ เอาอยู๊  จร้าาาา
แบ่บว่า คนอย่าง อิตั้วเจ้ น่ะ มัน แฮงดี บ่มีตก อยู่แว้ววววววววววววว



อืม...บางที อาจจะเป็นเพราะ บุญเก่าเจ้แยะด้วยมั้ง
พื้นฐานทางจิต อันเป็นต้นทุน ในการปฏิบัติ ของเจ้
จึงมีค่อนข้างบริบูรณ์ตามสมควรแก่การฝึกฝน
แถมสันดานเจ้ มันก็เป็นพวกลัทธิ เสพสุข แต่ ไม่ยอม เสพติด น่ะ
จึง ไม่ยอมให้ กามคุณระดับกระจอก ๆ ทั้ง 5
มามีอิทธิพลเหนือชีวิต  ความคิด
และ จิตใจของเจ้ เด็ดขาด ( ถ้าเจ้ไม่เอ่ยปาก อนุญาต ! )



แต่ก็ไม่ใช่ ว่า จะเป็นนักปฏิบัติ ที่เก่งฉกาจ
จนสามารถ ตัดสังโยชน์เบื้องต่ำจนเหี้ยนเตียน ได้แล้วนะ
แต่ พอถือศีล 6 แล้ว ก็รู้สึกว่า ตัวเองมีศักยภาพ
ในการตัด กามคุณทั้ง 5 ได้ดีขึ้นว่ะ
ทั้งในเรื่องของ รูป-รส-กลิ่น-เสียง-สัมผัส
บทมันจะตัด มั๊นก็ตัดฉับ ลด ละ และ เลิก ได้เลยทันทีว่ะ
ไม่ค่อยจะเกิดอาการข้างเคียง เรื่อง ทุกขัง กะละมัง เท่าไร อ่ะ


คือ เวลาผัสสะอะไร มากระทบ
จิตมันจะปรุงต่อถึงระดับความพอใจ ไม่พอใจอ่ะ
ทว่าจะไม่ กระสันอยาก แล้ว ทุรนทุราย
จนต้อง กระเสือกกระสน ขวนขวาย
ไปหา สิ่งนั้น มาไว้ในครอบครอง เพื่อ เสพสม น่ะ
แต่ จะ เสพแบ่บตามมีตามเกิด เท่าที่อยู่ในขอบเขตที่กำหนด น่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2012, 05:46:44 pm โดย บัวผ่อง »
.
หมายเหตุ

ถ้าพวกเมิง...เอ๊ย... เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลุง ๆป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ
ทนอ่าน ตัวหนังสือ ของกรู...เอ๊ย.... ของนู๋บี มิได้...

นู๋บี จา กลั้นใจตาย ( จิง ๆ น๊ะ ) อ่ะซิก ... อ่ะซิก...

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=bsonjb&month=09-2010&date=22&group=3&gblog=2



ออฟไลน์ บัวผ่อง

  • www.facebook.com/maneemess
  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • ***
  • กระทู้: 196
  • พลังกัลยาณมิตร 33
    • maneemess
    • ดูรายละเอียด
    • www.facebook.com/maneemess
ยกตัวอย่างนะ อย่างเช่น ตอนเย็น ๆ
ไปซื้อ เสบียงที่ตลาด ตอนซื้อ ลูกชิ้นทอดหอมฉุย
มาเก็บไว้หม่ำในมื้อเช้าของวันพรุ่งนี้( เพราะเจ้ งดฉัน ยามวิกาล )
เจ้ก็จะชอบพิสูจน์ความเจ๋งของตัวเอง
ด้วยการ เล่นเกมส์ ไม่ได้กิน  ดมกลิ่น ก็ยังดี
แหย่ ไอ้เจ้าตัวตัณหา เล่นว่ะ
ประมาณว่า จะยกถุงลูกชิ้นทอดขึ้นมาใกล้ ๆ จมูก
แล้วสูดดม ดื่มด่ำไปกับกลิ่นหอมอันเย้ายวนของน้องลูกชิ้น
จากนั้น เก๊าะดูสภาวะจิตตอนนั้นนะ ว่าเป็นไง
สามารถพอใจแค่นั้น โดยที่ไม่ปรุงต่อ แล้วเกิดเป็นความอยากกิน
จนต้องทรมานใจ ได้หรือไม่  ?



ส่วนเรื่อง แอบเหล่ ไอ้หนุ่มหุ่นดี ๆ หน้าหล่อ ๆ
หรือ ดีเทลสาวนมขาว ๆ  ตู้ม ๆ ที่แวะมาหา ทั่น หน. ที่ห้องยา เนี่ย
เจ้ ก็ดูเล่นเป็นอาหารตาให้กระชุ่มกระชวยเฉย ๆ อ่ะ
อารมณ์ประมาณเดียวกับ ศิลปิน ที่ กะลังเสพชิ้นศิลปะ
อัน เกิดจากเรือนร่างของมนุษย์ มั้ง
แต่ เวลามอง จิตมันก็ไม่เคยปรุงต่อ จนฮิสทีเรียกำเริบ
แล้ว เกิดเป็น ความอยาก คิดจะลากใครไปข่มขืน
ให้ต้องฝืนจิตห้ามใจ จนเกิดทุกขังกาละมัง
เพราะความอยากที่ไม่สมหวังซะทีนะ


แม้แต่ เวลาคิดถึง พ่อดอกมะลิ
ไอ้หนุ่มคนแรกที่ เจ้แอบชอบ
หรือ ไอ้หนุ่มคนอื่น ๆ ในคอลเลคชั่น
มันก็จะออกไปในลักษณะ ของการระลึกนึกถึง
ด้วยความ เอื้อเอ็นดู นะ ประมาณเดียวกับ
เวลาที่ อิหม่ามี๊ นึกถึง ฮาร์ทจัง เรยมั้ง อิอิ
ซึ่งเวลาที่เราเกิดความรู้สึกปรารถนาดีให้ ใครสักคน เนี่ย
มันก็ครึ้มอกครึ้มใจ พิลึกว่ะ  เอิ๊ก ๆ


เนี่ย ขนาด นึกถึง ไอ้เจ้าเสือจำศีล ที่เคยทำให้เจ้ เฮิร์ทขึ้นมาทีไร
เจ้ยัง แอบอมยิ้มอย่างนึกเอ็นดูมัน เสมอเรยนะ 
ยังคิดอยู่เลยว่า ตรูทำงอน ไม่ได้ติดต่อเสวนาธรรมกะมันมา ตั้งนาน
ป่านฉะนี้ ไอ้หมอนี่ จะก้าวหน้าในการปฏิบัติ ไปถึงไหนแล้วน้าาาา


ซึ่งจาก เหตุการณ์ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ที่เจ้สามารถรับมือ กับมันได้อย่าง ชิล ๆ เหล่านี้
ทำให้ เจ้ รู้สึกแปลกใจ อยู่เสมอ นะ
เวลาที่เห็น ไอ้พวกขี้เหล้าเมายา
มันทำท่าลงแดง จะเป็นจะตาย
เวลาพยายามเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ น่ะ
หรือแม้กระทั่ง เวลาเห็น พวกไอ้หนุ่มคลั่งรัก มันทุกข์ทรมานเจียนจะขาดใจ 
เพราะเสือกไปคิดถึงอิสาวที่หักอกมัน ก็เหอะ


นี่ยังคิดในใจเรยว่า ทำไมพวกมันถึงได้ ไม่เอาไหน บ่ มีไก๊ กันนักวะ
ถ้าเป็น ตรูนะ คงจะสามารถ หักดิบ เลิกได้ แบ่บชิล ๆ เลยด้วยซ้ำ
แบ่บว่า เจ้มันพวก อัตตาจ๋า มานะจัด แบ่บ บักเหลิม ร่องขุ่น น่ะ
บทจะเลิก ก็เลิกได้ทันที  ไม่มีการอาลัยอาวรณ์ให้ทุกข์ทรมานใจ
ก็แค่ อาศัย กิเลสตัดกิเลส เอา มานะ ไป ตัด ตัณหา แค่นั้นเอง
มันเป็นอะไรที่ ง่ายมั่ก ๆ พอ ๆ กับตัดหยวกกล้วยเยยย





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2012, 05:40:44 pm โดย บัวผ่อง »
.
หมายเหตุ

ถ้าพวกเมิง...เอ๊ย... เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลุง ๆป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ
ทนอ่าน ตัวหนังสือ ของกรู...เอ๊ย.... ของนู๋บี มิได้...

นู๋บี จา กลั้นใจตาย ( จิง ๆ น๊ะ ) อ่ะซิก ... อ่ะซิก...

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=bsonjb&month=09-2010&date=22&group=3&gblog=2



ออฟไลน์ บัวผ่อง

  • www.facebook.com/maneemess
  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • ***
  • กระทู้: 196
  • พลังกัลยาณมิตร 33
    • maneemess
    • ดูรายละเอียด
    • www.facebook.com/maneemess



ส่วนไอ้เรื่องที่เจ้ บ่นเรื่อยเปื่อย
เรื่องที่ เจ้เสือกหน้ามืด หลงไปติดแร้ว เสน่หา
ก๊ะ ไอ้หนุ่มคนล่าสุดเนี่ย
มันก็ไม่ได้ทรมานจะเป็นจะตาย
จนเลือดไหลซิบ ๆ อะไรหรอกนะ
เพียงแต่ รู้สึกว่า มันน่ารำคาญใจ
คล้าย กำลังโดน เสี้ยนตำตรีนน่ะ


คือ พอต้องมาหน้ามืดนั่งน้ำลายไหลยืด คิดถึงไอ้เวรนั่นบ่อย ๆ เข้า
เจ้ก็ชักจะ รู้สึกรำคาญกับความงี่เง่าของตัวเอง ว่ะ
เพราะ ปัจเจกอย่างเจ้ ไม่ชอบ ให้ ไอ้หน้าไหน
บังอาจมาสะแหล๋นแจ๋น สาระแนมาแผ่อิทธิพลมืด
ครอบงำความรู้สึกนึกคิด ของเจ้ มากเกินกว่า ที่เจ้จะเอ่ยปากอนุญาต อ่ะ


ยิ่งเห็นว่า ตัวเองเริ่ม ขุ่นมัว ขวางหูขวางตา
เวลาที่มองดูมัน ไปพูดคุยกระหนุงกระหนิงก๊ะ อิสาว อื่นอี๊กก
อะโหย เริ่ม ตระหนักขึ้นมาทันทีว่า
วงจรอุบาทว์ ของ ความยึดมั่นถือมั่น ของจิต
มันเริ่มวนลูป มาเกิดขึ้นกับกรู  แบบในหนังเรื่อ เดอะ ริง อีกแว้วววววว


พอ เจองี้ หลาย ๆ ครั้งเข้า
ระบบเซนเซอร์ อันเป็นกลไกการป้องกันตัวเอง
มัน เก๊าะเลยเริ่มได้กลิ่นทะแม่ง ๆ ของอันตราย
รู้สึกว่า  เฮ้ย อิ๋บอ๋ายแล้ว ไอ้5 นี่ มันชักเริ่มจะล้ำเส้น
กลายมาเป็น บ่วงรัดคอหอย เข้ามาคุกคามชีวิตอันแสนสุข
ในกะลามหาสนุก ของตรู ซะแระ  สมควรที่ต้องหาทาง กำจัดทิ้ง !


อืม...ไม่รู้ดิ มันมีสัญชาตญาณ บางอย่าง
ทำให้ เกิดความรู้สึกอึดอัด เหมือนสัตว์สักตัว หนึ่ง
ที่กำลังจะ ติดแหง่ก ๆ  อยู่ในบ่วงในแร้ว ที่มองไม่เห็นว่ะ
ก็เลยต้อง พยาม ตะเกียกตะกาย
หาทางหลุดออกจากบ่วงจากแร้วนั้น ให้ได้
เลยต้อง งัดเอา สารพัดวิธี มารับมือ ง่ะ


ไอ้ครั้นจะใช้ วิธีหลีกเลี่ยง
เบี่ยงไปโคจร คนละจักรวาลก๊ะมัน
แบบที่เคย ใช้ได้ผล ตอน ลงทุน เดินอ้อมโลก
เพื่อหลบหน้าหลบตา จะได้ไม่ต้องผ่านไปเจอหน้าใครบางคน ที่เริ่มรู้สึกว่า
มันก๊ะเจ้ เริ่มเกิดความรู้สึกชอบพอ ซึ่งกันและกัน
จนมันเริ่ม จะเป็นอันตราย กับ สวัสดิภาพและสงบสุขในชีวิต ของเจ้
แต่ คราวนี้ มันดันจบเห่ ไม่ยักกะเวิร์ค เหมือนครั้งนั้น ว่ะ
แมร่ง ถึงจะไม่เห็นหน้ากัน ไอ้หอยนี่ มั๊นก็ยังเข้ามาป้วนเปี้ยน
วิ่งเล่นอยู่ในความคิดของเจ้ตลอด ๆ



ไอ้ครั้นจะใช้หลัก อิทัปปจยตา มาโยนิโสฯ
หาความไม่เที่ยง ใน นิสัย ใจคอ แล สติปัญญา ของมัน
แบบตอนที่ เคยใช้ได้ผล เมื่อครั้งยัง หลงรูป พ่อดอกมะลิ
แมร่ง มันก็ดันไม่เวิร์ค ซะงั้นว่ะ เพราะไม่ว่าจะชำแหละแทะทึ้งไง
นิสัยใจคอ มันก็ยังเสือกถูกสเปค ถูกตาต้องใจ อิเจ้ไปซะโม๊ดดด
เลย อดที่จะคิดถึงมันมิด้ายยยย อ่ะซิก ๆ



สุดท้ายพอหักห้ามไอ้เจ้าความคิดถึงนั่นไม่ได้
ก็เลยได้แต่ มานั่งทอดอาลัย ปลอบใจ ตัวเอง อย่างปลง ๆ
ประมาณ ว่า เอาวะ ในเมื่อ จิตมันอยากจะคิดถึง
เมิงก็จงปล่อยให้มันคิดถึงไอ้หมอนั่นต่อ ไป
แต่ไงซะ เมิงก็จง สำเหนียก สำนึก และ ระลึก เอาไว้เสมอว่า


ไอ้เจ้าความคิดถึงพวกนี้ มันเกิดขึ้นเองได้
เดี๋ยวมั๊นก็จะต้อง ดับลงเองได้ ตามกฏแห่งไตรลักษณ์ เหมือนกัน ล่ะวะ
เช่นเดียวกับ ครั้งก่อน ๆ  ที่มันเคยเกิด ๆ ดับ ๆ งี้เสมอแหล่ะ



เฮ้ออ น่าแปลกชะมัดเรยวุ้ย  พอบอกตัวเองงี้ปุ๊บ 
ไอ้เจ้าสติสตังมันก็มี แฮง กระชากตัวเองให้หลุดจากบ่วงจากแร้ว
เลิกแตกแถว และ เดินพาเหรด กลับมาเข้าที่เข้าทาง
อยู่ในระบบระเบียบ ในเมทริกซ์ที่สร้างไว้ได้เหมือนเดิม เรยว่ะ
ไอ้เจ้าความรู้สึก คิดถึงผลุ่บ ๆ โปล่ ๆ
ที่ห้ามแทบตาย มันก็ห้ามไม่เคยได้
จู่ ๆ มันก็ หายวับไปเฉย ๆ
รู้สึกเหมือน บ่วงรัดทั้งหลาย ที่เผลอเอามาผูกรัดไว้
มัน ค่อย ๆ คลายตัว ให้เราได้เป็นอิสระ
โดยที่เราไม่ต้องใช้ความพยามอะไรเลยอ่ะ
เล่นเอา งงเป็นไก่ตาแตกเรยนะ คิดแล้วก็ขำดีว่ะ  อิอิ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2012, 05:53:37 pm โดย บัวผ่อง »
.
หมายเหตุ

ถ้าพวกเมิง...เอ๊ย... เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลุง ๆป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ
ทนอ่าน ตัวหนังสือ ของกรู...เอ๊ย.... ของนู๋บี มิได้...

นู๋บี จา กลั้นใจตาย ( จิง ๆ น๊ะ ) อ่ะซิก ... อ่ะซิก...

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=bsonjb&month=09-2010&date=22&group=3&gblog=2



ออฟไลน์ บัวผ่อง

  • www.facebook.com/maneemess
  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • ***
  • กระทู้: 196
  • พลังกัลยาณมิตร 33
    • maneemess
    • ดูรายละเอียด
    • www.facebook.com/maneemess
อ้อ ส่วนไอ้เรื่อง ที่ไอ้ตี๋ มันบอกว่า
สิ่งที่ ยับยั้ง กามา ทั้ง 5  ได้ดี ที่สุดนั้น คือ สติ นั้น
เจ้ เห็นด้วยกับลื้อแค่บางส่วนนะ
และ จะขอ เสริมเพิ่มเติม เพื่อเตือน ลื้อ ด้วย ว่า


สติ อย่างเดียว อย่างเดียว มันอาจจะ เอาไม่อยู่
จนเกิดปรากฏการณ์ แตกแล้ว
แบ่บเมื่อครั้งน้ำท่วม กรุงเต้ปได้นะจ๊ะ อิอิ
มันต้องมี สัมปชัญญะ กำกับ ด้วยว่ะ


เคยป่ะ ตอนที่ กำลังหน้ามืด สมองตื้อ ร่างกาย ใจ มัน ชี้ชวน
ให้ลิ้มลอง เสพสมรสชาดในกามคุณอันเย้ายวน ทั้งหลายแหล่
แต่จู่ ๆ ขณะที่ กำลังนึกครึ้ม พอ กรึ่ม ๆ นั้น
ก็รู้สึก เหมือน กับว่า จิตมัน หยุดปรุง ไปในเสี้ยวนาที
แล้วก็เกิดการเว้นวรรคจากความฟุ้งซ่าน
เปิด โอกาสให้เรา ได้เลือกทางเดินของชีวิต น่ะ


ตอนนั้น อารมณ์มันจะ กรุ่น ๆ เหมือน
คนที่ กำลังยืนอยู่บนทางสองแพร่ง
แล้ว ตัดสินใจ ว่าจะ กรูจะเดินตุรัดตุเหร่
แล้ว ฟุ้งต่อไป ในไปทางไหนดี ?
เจ้เอง ก็เคยเป็นงี้ เหมือนกันนะ


มันไม่ใช่ การต่อสู้กัน ของ จิตใต้สำนึก ( Id )
กับ จิตเหนือสำนึก ( Super Ego )ว่ะ
แต่ มันเป็น การโยนกลอง มาให้ จิตสำนึก ( Ego ) เป็นผู้เลือก น่ะ
ว่าจะ อนุญาต ให้เดินไปทางไหน
ซึ่งไม่ว่า เจ้าจิตสำนึก มัน ตัดสินใจ ไง
ไอ้เจ้าคิตตี้ ก๊ะ อิการ์ฟิล์ด มันก็พร้อมจะปฏิบัติตามนะ
( ซึ่งส่วนใหญ่ มันก็ค่อนข้างจะหลงคารม อิการ์ฟิลด์ ว่ะ แหะ ๆ)


แต่ถึงงั้น มันก็ยังมี การกำหนดขอบเขตที่ยอมรับได้อยู่นะ
นั่นก็คือ ไม่ว่า จะโอนเอน เอียงกระเท่ไปทางไหน
ทุกอย่างที่จะกระทำ ต้อง ไม่ก้าวล่วง ศีล 5 !
ม่ะงั้น ไอ้เจ้า จิตสำนึก มัน เก๊าะ ไม่ยอมอนุมัติ ว่ะ เอิ๊ก ๆ


อืม...นอกจากนี้ การจะตัดกามา ทั้งหลายทั้งพวงนั้น
มันต้องคำนึงถึง ศักยภาพ ( กำลังแห่งจิต ) ด้วยนะ
ถ้าเป็นพวก ฮาร์ดคอร์ ก็อาจจะใช้วิธีหักดิบ เอาแบบเจ้ ได้
แต่ถ้า เป็น พวก อิอ่อน อาจจะต้อง ค่อย ๆ ผ่อนปรน
แบ่บ ค่อยเป็นค่อยไปนะ  ไม่งั้น อาจ ลงแดง ตายได้ เอิ๊ก ๆ


ที่สำคัญ เรา ต้อง ตระหนัก
ถึง สถานะภาพ  ของเราด้วย 
ว่า เราอยู่ใน สถานะใด 
เป็น สมณะ  หรือ ฆราวาส 
เป็นผัว หรือ เป็นเมียใครอยู่ไหม ?


ถ้าทะลึ่งหน้ามืด ไปสร้างพันธะอะไรกับใครเอาไว้แล้ว
ก็ต้อง ก้มหน้าก้มตา รับผิดชอบในหน้าที่ของตน หลักทิศ 6 ด้วย
ไม่ใช่ว่า พอมีความประสงค์จะ ฝึกตนเพื่อ ตัดสังโยชน์
ก็กระโดดเข้าไป ทำเลย โดยไม่นึกถึงหัวอกของคนรอบข้าง
ขืนเป็นแบบนี้ มันจะไม่หมดจดและงดงามตามธรรม
และ อาจนำมาซึ่ง การเกิด ปฏิฆะ ระหว่างกันได้นะ
อันนี้ เตือนไว้ ด้วยความหวังดี
เพราะ ไม่อยากให้มีนักปฏิบัติคนไหน
ต้องมาเสียหมา โดนเมียฟ้องหย่า
ด้วยข้อหา บ่ มีไก๊ ไร้น้ำยา อ่ะ หุหุ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2012, 06:05:15 pm โดย บัวผ่อง »
.
หมายเหตุ

ถ้าพวกเมิง...เอ๊ย... เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลุง ๆป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ
ทนอ่าน ตัวหนังสือ ของกรู...เอ๊ย.... ของนู๋บี มิได้...

นู๋บี จา กลั้นใจตาย ( จิง ๆ น๊ะ ) อ่ะซิก ... อ่ะซิก...

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=bsonjb&month=09-2010&date=22&group=3&gblog=2



ออฟไลน์ บัวผ่อง

  • www.facebook.com/maneemess
  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • ***
  • กระทู้: 196
  • พลังกัลยาณมิตร 33
    • maneemess
    • ดูรายละเอียด
    • www.facebook.com/maneemess


อืม...พูดถึงเรื่องนี้  แล้วก็นึกให้ถึง
เรื่องที่ พี่ อ. ( คนที่แซวว่า เจ้เป็นฤาษีชีไพร )
เคยบ่นให้เจ้ ฟังแฮะ  ประมาณว่า


ตะแกนั่งสมาธิไม่ได้ เพราะ สังขารไม่อำนวย
ก็ เลยพยาม ปฏิบัติธรรม ด้วยการ นอนสมาธิ
แต่ปรากฏว่า เมียอีดันหวาดระแวง ไปว่า
ที่ผัวตัวเองนอนนิ่ง ๆ ทำตัวแข็งๆ อยู่บนเตียง
ไม่ยอมหันมากอดเมียหมือนเช่นเคยนั้น
เป็นเพราะ ผัวตรูกำลังเบื่อน้ำพริกถ้วยเก่า
แล้ว กำลังวางแผนจะไปมีกิ๊ก
อีก็เรย น้อยอกน้อยใจ วีนใส่พี่แกยกใหญ่


พี่ อ. เองก็จะพยายามพร่ำ อธิบาย บอกว่า
เฮ้ยยยย กรู กำลังปฏิบัติธรรม อยู่ จริงจริ๊งงงง
ไม่ได้ คิดจะ นอกใจไปมีหญิงอื่น เล๊ยพับผ่าสิ
แต่ คุณศรีภรรเมียบังเกิดเกล้า ก็ ไม่ยอมเข้าใจ
หาว่า ผัวตัวเอง ตอแหล้ ซะงั้น
อีบอกประมาณว่า ถุยส์ น้ำหน้าอย่างเมิงเนี่ยนะ จะปฏิบัติธรรม



สุดท้าย เพื่อเป็นการ ลดความร้าวฉาน ในครอบครัว
คุณผัวก็เลยต้อง กลับไปนอนกอดเมียตามเดิม
พี่แกบอกอย่างปลง ๆ ประมาณ ว่า


พี่ก็หลับหูหลับตากอด ๆ มันไปงั้นแหล่ะ
แล้ว ก็พยาม คิดว่า อีกำลังกอดท่อนไม้
จะได้ไม่ตบะแตก เมื่อเนื้อแนบเนื้อ  เอิ๊ก ๆ



อืม.... ฟัง พี่ อ. เล่าถึงอุปสรรค
ในการปฏิบัติ ของ ตะแกแล้ว
แทนที่ อิเจ้ จะเห็นใจอ่ะนะ 
เปล๊าาาาาาา ดัน หัวเราะก๊าก แทบตกเก้าอี้
แถมยังพูด สมน้ำหน้าพี่แกไป
โดยไม่คิดจะรักษาน้ำใจ อีกตะหาก  ประมาณว่า



ช่วยไม่ได้อ่ะ ก็พี่อยู่ดีไม่ว่าดี
ดั๊นไปหาห่วงมาผูกคอ เองนิหว่า
ก็คงต้อง ก้มหน้าก้มตาชดใช้ วิบากกรรม
จนกว่ามันจะหมดนั่นแหล่ะ  โฮ่...โฮ่....




เฮ้อออ แต่เห็น ชะตากรรมของ คุณพี่ อ. แล้ว
ก็ เกิดซาโตริ เลยว่ะ  ที่ พระท่านว่า


อภรรยา ปรมา ลาภา 
สามีมา ปรมา ทุกขา
ราหุล ชาตะ มรณะ


นั้น มันเป็นเรื่องจริง ! 5555555555


เฮ้อออ ....บางครั้ง พันธะ เรื่องครอบครัวผัวเมีย
มันก็ทำให้เกิดอุปสรรคอันหลากหลายอย่างในการปฏิบัติ นะ
ดูอย่าง อิพี่ อ. นั่นประไร ดันมาเห็นดวงตาธรรม ตอนที่ มีครอบครัว ไปแล้ว
การแผ้วถางเพื่อสร้างทางไปสู่มรรคผล ก็เลยต้องลำบากลำบน 
จะทำปฏิบัติธรรมอะไรตะละที ก็ไม่สะดวกง่ายดาย
และ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เหมือนของ อิเจ้ ว่ะ อิอิ 






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2012, 06:11:30 pm โดย บัวผ่อง »
.
หมายเหตุ

ถ้าพวกเมิง...เอ๊ย... เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลุง ๆป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ
ทนอ่าน ตัวหนังสือ ของกรู...เอ๊ย.... ของนู๋บี มิได้...

นู๋บี จา กลั้นใจตาย ( จิง ๆ น๊ะ ) อ่ะซิก ... อ่ะซิก...

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=bsonjb&month=09-2010&date=22&group=3&gblog=2



ออฟไลน์ บัวผ่อง

  • www.facebook.com/maneemess
  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • ***
  • กระทู้: 196
  • พลังกัลยาณมิตร 33
    • maneemess
    • ดูรายละเอียด
    • www.facebook.com/maneemess
ข้อคิดโดนใจ จากไอดอลของ อิช้าน ณ พันติ๊ปปปปป




อ้างถึง

ผู้ทำความชั่ว มีนิสัยชั่วช้าเลวทราม  จึงมิควรมีสิทธิ์ใด ๆ ที่จะเอ่ยอ้างเรื่องเพศ อ่อนแอ ของตน มาเป็นข้อต่อรองเลย  ไม่ว่ากรณีใด ๆ

  ในประเทศที่เจริญแล้วนั่นเอง ก็ยังมีการตัดสินประหารชีวิตสตรี ที่ประพฤติชั่วช้า เลวทราม ตามปกติอยู่....

  เป็นที่น่าสังเกตว่า...สตรีที่เป็นวิญญูชนโดยทั่ว ๆ ไป หามีใครที่จะมาขออ้างสิทธิ์ความเป็นสตรีของตน เพื่อมิให้โดนตำหนิไม่ (หากตนละเมิดสิ่งที่สังคมเห็นว่าเลวทราม)

 ....แต่ผู้ที่พยายามมาอ้างเพศอ่อนแอของตน เพศมารดา เพศภรรยา เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนตำหนิ นั้น กลับกลายเป็นว่า "เธอเหล่านั้น คงจะไม่ได้มีคุณงามความดีอื่นใด  หลงเหลืออยู่อีกแล้ว หรือไฉน..จึงได้คอยแต่จะอ้างสิทธิ์ ความเป็นผู้อ่อนแอ ขึ้นมา เพื่อหลบเลี่ยง ความเลวร้ายของตน มิให้โดนตำหนิ....?

   นี่ต่างหาก กระมัง  ที่ควรจะเป็นเรื่องแปลก และน่าสังเกต  ในสังคมปัจจุบัน !!!

จากคุณ    : รถเรณู [Bloggang]
เขียนเมื่อ    : 19 ส.ค. 55 00:39:33



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด เห็นด้วยอย่างแร๊งส์
เขียนได้ แทงใจดำเป๊ะ ๆ เยยยยยยยยย
เพราะ รู้สึก คันปากยิก ๆ และ ทะแม่ง ๆ เสมอ
เวลาที่มี เพศแม่ เพศเมีย เพศอาเหล่าม่า ฯลฯ
มาร้องตีโพยตีพายหาว่า พวกเมิง ไม่ให้เกียรติ ผู้หญิง 
เวลาที่พวก She โดนผู้ชาย อ้าปากด่า อ่ะเจ้าค่ะ


น่าขำนะ บางครั้ง She ทั้งหลาย
ก็ออกมาร้องเย้ว ๆ เรียกร้อง สิทธิสตรี
แต่ใน บางที She เก๊าะ ออกมาโวยวาย
บอกว่า ไอ้พวกผู้ชาย มันไม่ให้เกียรติ
 


เฮ้อออ ไม่รู้สินะ สำหรับ อิฉันแล้ว
เกียรติ ของเรา มันต้องสร้างเอาเอง
จาก 1 สมอง และ 2 มือเจ้าค่ะ
ไม่ใช่ ชะเง้อ คอ รอให้ ไอ้หน้าตัวผู้ ที่ไหน
มาอุ้มชู หรือ คอยหยิบยื่นให้


และหาก เราเจ๋งจริง เด๋ว บารมี ที่สั่งสม ไว้
มันก็จะ เปล่งประกายเกียรติยศ ออกมาทางผิวหนัง
มาแยงตา คนรอบข้าง ทั้งผู้หญิงผู้ชาย
ทำให้เขาเกิดอาการเกรงใจ
จนไม่กล้าใช้ วาจาจาบจ้วง กับเราเองอ่ะเจ้าค่ะ อิอิ




เออ จริงสิ ฟัง เฮียรถเรณู เม้งแตก เรื่องนี้
แล้วนึกถึง คำพูดของสตรีนางหนึ่ง จัง เยยอ่ะ




เพราะ She เคยกู่ก้องร้องบอกโลก เอาไว้ว่า

อ้างถึง

"สตรีพอจะไม่ถือคุณธรรมเลย
นี่คือสิทธิของสตรีที่มีมาแต่กำเนิด
ธรรมชาติของบุรุษเข้มแข็งกว่าสตรี
ดังนั้น สมควรอ่อนข้อให้สตรีสักหลายส่วน"


ลิ้มเซียนยี้ 





แหม๊ ? ถ้า เวรกรรมมัน ชักนำ ให้แม่หญิงคนนี้
โคจร มาอยู่ใน จักรวาล เดียวกับ เฮียรถฯ
อยากรู้จริงจริ๊งงงงงงงง ว่า ใครจะอยู่ ใครจะไป หุหุ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2012, 06:13:54 pm โดย บัวผ่อง »
.
หมายเหตุ

ถ้าพวกเมิง...เอ๊ย... เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลุง ๆป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ
ทนอ่าน ตัวหนังสือ ของกรู...เอ๊ย.... ของนู๋บี มิได้...

นู๋บี จา กลั้นใจตาย ( จิง ๆ น๊ะ ) อ่ะซิก ... อ่ะซิก...

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=bsonjb&month=09-2010&date=22&group=3&gblog=2



ออฟไลน์ บัวผ่อง

  • www.facebook.com/maneemess
  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • ***
  • กระทู้: 196
  • พลังกัลยาณมิตร 33
    • maneemess
    • ดูรายละเอียด
    • www.facebook.com/maneemess

 ข้อคิดโดนใจ จากไอดอลของ อิช้าน ณ พันติ๊ปปปปป




อ้างถึง

[ผมมันคนที่ไม่สนใจมีเพื่อนในเวปบอร์ด ผมไม่ชักชวนใครมาร่วมให้โดนด่า และทำนองเดียวกัน ผมก็จะไม่ชวนใครมาร่วมด่าคนอื่น ๆ (แบบสตรีอาวุโสขี้เหงา  ที่ชอบหาพวก มารุมอัดคนที่เห็นต่างจากเขา)  และผมคิดว่า การมีเพื่อนในเวปบอร์ดนั้น คล้าย ๆ จะเป็นอุปสรรค์ขวางกั้นอุดมการณ์ ของเราเอง  เพราะเราอาจจะไม่สามารถพูดอะไรได้เต็มปากนัก หากสิ่งนั้น เพื่อนเราหลงไหลอยู่ งมงายอยู่.....

   ผมจึงตัดสินใจ ตั้งแต่แรกว่า ยอมที่จะไม่มีเพื่อนดีกว่า  ขอพูดเองเขียนเอง อย่างเป็นอิสระเสรี โดยที่จะวิพากย์ วิจารณ์ อะไรที่ไม่ถูกต้องได้ อย่างสะดวกใจ โดยไม่ต้องมัวระวังว่าจะต้องกระทบเพื่อนคนนั้น คนนี้ ฯลฯ

  ที่ผมยืนยันว่า ผมไม่มีเพื่อน ก็เพราะ ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับล๊อกอินไหน ๆ ว่าจะต้องชื่นชมสรรเสริญกันตลอดไป  ผมจะชื่นชมเฉพาะเวลาที่เขาพูดถูก คิดถูก แล้วแสดงออกมาถูกต้องในเวปบอร์เท่านั้น หากพูดผิด เห็นผิด ก็ไม่สามารถชื่นชมได้

  ดังจะเห็นได้ว่า แม้แต่เอิงเอย ระนาด ชาวมหาวิหาร หรือใครต่อใคร ผมก็เคยกด like ในบางความเห็น เพราะผมเชื่อว่า แม้แต่กองอาจม ก็สามารถทำตนให้มีประโยชน์ได้ โดยเป็นปุ๋ยคอก ให้ดอกไม้งดงาม ฯลฯ

   ดังจะเห็นได้ว่า แม้แต่คุณ ยี้ 501 และคุณใบไม้กำนั้นเอง เขาก็เคยต่อว่าผมแรง ๆ มาหลายครั้ง ผมก็ต่อว่าท่านแรง ๆ มาหลายครั้ง เช่นกัน

  ดังนั้น เป็นอันเชื่อได้ว่า ผมไม่มีเพื่อนเลิฟแบบต้องมายอมเป็นยอมตายให้กันได้ ในสังคมมายานี้แน่นอนครับ ...ผมจึงเชื่อและรู้ได้แน่นอนว่า สาเหตุใด ที่คนอย่าง ท่านใบไม้ และท่าน ยี้ 501 จึงกล้าที่จะเข้ามาเปลืองตัว ในกระทู้นี้ .....ไม่ใช่เพราะเพื่อน หรือเพราะอะไรอื่นแน่ ๆ นอกจาก ความรู้สึกเป็นกลาง ๆ และต้องการเตือนสติพวกเราทั้งสองฝ่าย เท่านั้น
 
   ก็เพราะท่าน ไม่ได้คิดว่าใครเป็นเพื่อนไงครับ ..ผิดก็ผิด ถูกก็ถูก..ก็แค่นั้น

จากคุณ    : รถเรณู
เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 12:28:16



อันนี้ ก็โดน !  :24:
จนชักเริ่มสงสัยตะหงิด ๆ ว่า
ไอ้หมอนี่ มันแอบไป ก๊อปปี้ ความคิดตรูไว้ ตอนไหนกันหว่า ?
อืม..เห็นด้วย กับ คำพูดของอิตานี่ นะโดย เฉพาะ ที่ มันบอกว่า


อ้างถึง

ผมคิดว่า การมีเพื่อนในเวปบอร์ดนั้น คล้าย ๆ จะเป็นอุปสรรค์ขวางกั้นอุดมการณ์ ของเราเอง  เพราะเราอาจจะไม่สามารถพูดอะไรได้เต็มปากนัก หากสิ่งนั้น เพื่อนเราหลงไหลอยู่ งมงายอยู่.....

   ผมจึงตัดสินใจ ตั้งแต่แรกว่า ยอมที่จะไม่มีเพื่อนดีกว่า  ขอพูดเองเขียนเอง อย่างเป็นอิสระเสรี โดยที่จะวิพากย์ วิจารณ์ อะไรที่ไม่ถูกต้องได้ อย่างสะดวกใจ โดยไม่ต้องมัวระวังว่าจะต้องกระทบเพื่อนคนนั้น คนนี้ ฯลฯ



อืม...จริงอยู่ ที่มิตรภาพ ระหว่าง  กัลยา ณ มิตร นั้น
มันเป็นสิ่งที่มีล้ำค่า และ งดงาม เสมอ
แต่ ทว่า บางที สิ่งเหล่านี้
มันก็ทำให้เกิด ความยึดมั่นถือมั่นในจิต
จนทำให้เรา ไม่สะดวกใจ
ที่จะ วิพากษ์ วิจารณ์ อะไรซึ่งไม่ถูกต้อง ได้ เหมือนกัน แฮะ


เฮ้ออ น่าเสียดาย ตะหงิด ๆ นะ
ที่อิฉัน ใจไม่แข็งพอ ที่จะ ตั้งปณิธาน
สร้างเงื่อนไข ให้ตัวเอง ทำได้ อย่างเช่น ไอ้หมอนั่น
ไม่งั้น ป่านฉะนี้ คงจะได้ตำแหน่ง ฮาร์ดคอร์ ตัวแม่ คู่ ก๊ะ มันแหง๋ ๆ

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2012, 06:19:27 pm โดย บัวผ่อง »
.
หมายเหตุ

ถ้าพวกเมิง...เอ๊ย... เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลุง ๆป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ
ทนอ่าน ตัวหนังสือ ของกรู...เอ๊ย.... ของนู๋บี มิได้...

นู๋บี จา กลั้นใจตาย ( จิง ๆ น๊ะ ) อ่ะซิก ... อ่ะซิก...

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=bsonjb&month=09-2010&date=22&group=3&gblog=2



ออฟไลน์ บัวผ่อง

  • www.facebook.com/maneemess
  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • ***
  • กระทู้: 196
  • พลังกัลยาณมิตร 33
    • maneemess
    • ดูรายละเอียด
    • www.facebook.com/maneemess
เมื่อ บัวเหล่าที่ 5 เสวนาธรรม ก๊ะ ซ้อ 7 อิอิ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2012, 11:19:00 pm »
เมื่อ บัวเหล่าที่ 5 เสวนาธรรม ก๊ะ ซ้อ 7 อิอิ



อ้างจาก:

ซ้อ 7 ว่า...

เหตุผลใดถึงไม่มีศาสนา ศานาพุทธไม่ดีหรือครับ  หรือคิดว่าตัวเองไม่ดีพอที่จะนับถือศาสนาพุทธ  ถ้าใครคิดดูถูกความดีของตัวเองแบบนี้ไม่ถูกนะครับ  ไม่ใช่ว่าคิดว่าตัวเองดีแล้วจึงจะมีศาสนาได้  ศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ  โดยเฉพาะศาสนาพุทธทำให้จิตใจคนดีขึ้นในหลายระดับ



นู๋บี ว่า...


อืม...ก็ สาวสวยผู้ทรงศีล อย่างอิฉัน น่ะ
มัน ตีค่า จากทุกสิ่งทุกอย่าง ที่อยู่รอบ ๆ ตัว
จาก ประโยชน์ใช้สอย นี่เจ้าคะ
ไม่ว่า จะเป็น  ผู้ชาย หรือว่า ศาสนา ก็เหอะ


และ ในสายตาของอิฉัน แล้ว
ศาสนาพุทธของคุณก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดี
ไม่มีคุณค่า หรือ ไม่มีประโยชน์ หรอกนะ
เพียงแต่ มันยังดีไม่พอ และ ไม่มี คุณค่าคู่ควร
ที่ จะทำให้ ปัจเจก อย่างอิฉัน จะ ลดตัว ลงไปนับถือ อ่ะค่ะ


เฮ้ออ  ถ้าจำไม่ผิด อิฉันเคยบอก ใครหลาย ๆ คนว่า
ศาสนาพุทธของคุณ มันก็เหมือนกับ ยารักษา มะเร็ง พวก เคมีบำบัด นั่นแหล่ะ
และ มีเหตุปัจจัยอะไร ที่ จะต้องมาคะยั้นคะยอ
ให้ หญิงสาวที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง อย่างอิฉันต้องหันมาใช้ ยาพวกนี้ ด้วยล่ะ
ก็ในเมื่อ อิฉันไม่ใด้เป็น มะเร็งหัวใจ แบบพวกคุณ ซะหน่อยนิ



และ ถ้าจะเปรียบ พุทธศาสนาเป็น หนังสือ 
มันก็คงเหมือน หนังสือ ฮาว ทู สักเล่ม
ที่ถูกอิฉันหยิบเอามาอ่าน แล้ว จนปรุ แล้วนั่นแหล่ะ
อ่านจบเก็บเกี่ยวความรู้เสร็จแล้ว
หนังสือเล่มนั้นมันก็หมดความหมาย สำหรับอิฉัน แล้วอ่ะ
จะให้ เก็บมันไว้บนหิ้ง คอยกราบไหว้บูชา ทำไมให้เมื่อย
ก็แค่ โล๊ะมันทิ้ง ด้วยการเอาไปชั่งโลขาย หาตังค์กินหนม
หรือไม่งั้น ถ้านึกครึ้ม ก็ เอาไป บริจาคให้ พวกเด็กด้อยโอกาส มันอ่าน เป็น ทาน ก็แค่นั้นแหล่ะ


อุปมา เหมือน แพและค้ำถ่อ ที่เราเอาไปใช้ประโยชน์
ส่งเรา ถึงฝั่ง จนเสร็จกิจแล้ว  เราก็แค่ ถีบหัวส่ง อ่ะ
มีความจำเป็นอะไร ที่ต้องแบกมันไปไหน ต่อไหน
ให้ถ่วงความเจริญในชีวิตล่ะ ?



เฮ้อออ ไบเบิ้ล เคยกล่าวเอา ไว้ว่า

ผู้ที่เห็น ความจริง  ศรัทธา ย่อมไม่จำเป็น  นี่นะ


ในเมื่อ อิฉัน ยอมรับกับ ความจริง ที่เห็น
ในเรื่องของ ไตรลักษณะ แห่งนิยามทั้ง 3
คือ พีชนิยาม กรรมนิยาม และ ธรรมนิยาม แล้ว
จะ มีความจำเป็น อะไรล่ะ ที่จะ ต้องยอมรับนับถือ
ก้มหัวไปศรัทธา ไตรสรณะ แบบตะพืดตะพือ น่ะ
ก็ในเมื่อ มันไม่ใช่ ปัจจัยที่ 5 ในการดำรงชีวิต ของอิฉันนิหว่า


อีกอย่างนะ คนอย่างอิฉัน สามารถเป็นคนดีได้
โดยไม่จำเป็นต้องแบกศาสนาไว้บนหัว ด้วย
พิณา ได้จาก ภูมิศีล ที่แสนจะเลิศเลอ เปอร์เฟค ของ อิฉัน
ที่มัน ผุดผ่องเป็น ยองเป็นใย ยิ่งกว่า พุทธมามกะจ๋า หลาย ๆ คน น่ะนะ


แล้ว นอกจากนี้  อิฉันก็ คิดว่า ตัวเอง เจ๋งพอ
ที่จะสามารถ ยืนหยัดบริหารจัดการความทุกข์ ณ ปัจจุบัน ขณะ ได้ ด้วยตัวเอง
โดยไม่จำเป็น ต้องหา อะไร มาเป็น ที่ ยึดเหนี่ยว จิตใจ ด้วย วะ
แล้ว งี้ จะให้อิฉัน ไปนับถือศาสนา ทำติ้ง อะไรล่ะเจ้าคะ
ถ้าไม่ศรัทธา แล้วเอา สถานะพุทธมามกะ แปะไว้ในบัต ประชาชน
อิฉัน มิกลายเป็นคนโกหกจน ศีล ข้อ 4 มันถลอก หรอกหรือ ?

เอาล่ะ อิฉันแพล่มซะขนาดนี้ แล้ว
หวังว่า คนที่ถาม อ่านแล้วคงจะเก็ทขึ้นมามั่งนะ อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2012, 06:32:46 pm โดย บัวผ่อง »
.
หมายเหตุ

ถ้าพวกเมิง...เอ๊ย... เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลุง ๆป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ
ทนอ่าน ตัวหนังสือ ของกรู...เอ๊ย.... ของนู๋บี มิได้...

นู๋บี จา กลั้นใจตาย ( จิง ๆ น๊ะ ) อ่ะซิก ... อ่ะซิก...

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=bsonjb&month=09-2010&date=22&group=3&gblog=2



ออฟไลน์ บัวผ่อง

  • www.facebook.com/maneemess
  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • ***
  • กระทู้: 196
  • พลังกัลยาณมิตร 33
    • maneemess
    • ดูรายละเอียด
    • www.facebook.com/maneemess
Re: เมื่อ บัวเหล่าที่ 5 เสวนาธรรม ก๊ะ ซ้อ 7 อิอิ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2012, 11:22:05 pm »
 
นู๋บี ว่า....


1.เอ ? แล้ว ถ้าเรารู้ทั้งรู้ว่า ในสนามหญ้า นั้น
ไงซะ มันก็คือ ระบบนิเวศน์ ที่ประกอบด้วยเหล่ามด
เหล่าแมลงตัวเล็กตัวน้อย อาศัยอยู่ในนั้นแน่ ๆ
แต่เราก็ยังทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินเหยียบหญ้า กันอยู่ร่ำไป
เพราะ เห็นแก่ความมักง่ายสะดวกสบาย
แล้ว เอา เรื่อง อาบัติปาจิตตีย์ แบ่บจิ๊บ ๆ มาเป็นไม้กันหมานี่
ถามหน่อยจิ ว่า ทำงี้ ศีลข้อปาณาติบาท มันจะขาดไหมเจ้าคะ
 



ซ้อ 7 ว่า ...


ถามเพราะอยากรู้เพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสม พอดีๆ หรือเพื่อลองภูมิผู้อื่น หรือคุยว่าตัวเองถือศีลoverดี

ถ้ามีเจตนาดีผมก็โมทนาด้วยจริงๆครับ ถ้าไม่ก็ลองดูลองคิดใหม่ ถ้าชอบกลางๆพอดีๆ ธรรมชาติๆ ปกติๆ ก็ลองปรับให้ถูกต้อง ถ้าชอบแบบมั่นๆแบบเดิมก็เก็บไว้ทำคนเดียว


หาตรงกลางให้เจอ อย่าซ้ายสุด ขวาสุด มันจะเศร้าหมอง แต่การมีศีลต้องควบพรหมวิหาร4ด้วยจะทำให้ทรงศีลได้ดี 



นู๋บี ว่า...

อิฉัน ก็ไม่ได้คิดจะโอ้อวด ภูมิศีลในตน อะไรนักหนาหรอกจร้าาา
เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันก็ผุดผ่องเป็นยองเป็นใย
เปล่งรัศมีธรรมโม๊ะมากมาย
จนเบื่อที่จะเป็น ปูชนียบุคคล จะแย่อยู่แระ :'(
( อยากเป็น นางในฝันร้าย ของ ผู้ชายทั้งโลก มากกว่า อิอิ ):cool:


อ้อ แล้ว ก็ไม่ได้ คิดจะ ลองภูมิ ใครใน ห้องนี้ ด้วย
เพราะ เท่าที่ ดู แล้ว เก๊าะเห็น ๆ กันอยู่  นี่นะ
ว่า ภูมิศีล ของ นักปฏิบัติ แถวนี้ น่ะ มัน อนุบาล แค่ไหน
เลยไม่รู้จะเสียเวลา ลองภูมิ พวกมัน ทำติ้ง อะไร



อิอิ  หมาน( พ่อฉัน ) เคยสอนเอาไว้เสมอ อ่ะ
ว่า คนดีชอบแก้ไข คนจัญ...ชอบแก้ตัว
อิฉัน ก็เลยมองโลกในแง่ดี คิดไปเองว่า
ณ ห้อง อภิญญาแห่งนี้คงจะมี นักปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ  อยู่มั่งอ่ะค่ะ
ก็เลย โยนหินถามทาง ไปงั้นเองอ่ะจร้าาาาาาา
เผื่อว่า น้ำลายที่อิฉันปากเปียกปากแฉะ แพล่ม ๆ ออกไปนั้นน่ะ
 มันจะทำให้ ใครต่อใคร ฉุกคิด สำเหนียก สำนึก
และ ระลึก อะไร ขึ้นมาได้มั่ง
( ถ้าคนฟัง ยังมิใช่ พวก มือถือสากปากถือศีล ที่ยากเกินเยียวยา อ่ะนะ )



แล้ว ถ้าอยากจะ ทรงศีลได้ดีน่ะนะ
แค่ พรหมวิหาร 4 กระจอก ๆ เนี่ย คงไม่พอหรอกมั้ง
มันต้องรู้จัก โยนิโสฯ  แล้วใช้ สัมมาวายามะ
โดยมี สัมมัปปธาน 4  เป็นตัวกำกับ ด้วย
มันถึงจะเป็น สัมมาศีล ไม่ใช่ ศีลพรตปรามาส
หรือว่า ศีลแบ่บตามใจฉัน ที่สักแต่ว่า ถือตามกัน
โดยไม่รู้ถึงที่มาที่ไป ของ ศีลในข้อนั้น ๆ



ใครคนหนึ่ง เคยบอก อิฉันว่า
เมื่อวาน เหยียบมด ไปตัวหนึ่ง รู้สึกจิตตกมากมาย
อิฉันเลย ถามกลับไปว่า จิตตกเพราะกลัวตัวเองจะบาปที่ทำผิดศีล
หรือ จิตตก ที่ตนนั้นได้ไปกระทำการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ?
รู้ไหม เขาตอบ อิฉันว่าไง  เขาบอกว่า เขาจิตตก เพราะกลัวตัวเองจะบาป อ่ะค่ะ


ศีลน่ะ ถ้า ถือให้มัน ถูกที่ ถูกท่า และ ถูกทาง
   มันก็จะมีกลไกแบบออโต้ มากระตุกหาง คอยเตือนเรา
   เวลาที่ เรากำลังจะ ก้าวล่วงศีล นะ
   แถม ครึ้ม ๆ มันยังจะ หาทางหนีทีไล่
   ที่ทำให้เรามีทางออก ที่ หมดจดงดงาม 
   และ  ปลอดโปร่งโล่งฉะบาย ได้เสมอจร้าาา
  ทำแล้ว ชีวิตจะมีแต่ความปกติ ไม่มีเศร้าหมองหรอกนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2012, 06:25:08 pm โดย บัวผ่อง »
.
หมายเหตุ

ถ้าพวกเมิง...เอ๊ย... เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลุง ๆป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ
ทนอ่าน ตัวหนังสือ ของกรู...เอ๊ย.... ของนู๋บี มิได้...

นู๋บี จา กลั้นใจตาย ( จิง ๆ น๊ะ ) อ่ะซิก ... อ่ะซิก...

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=bsonjb&month=09-2010&date=22&group=3&gblog=2