ผู้เขียน หัวข้อ: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน  (อ่าน 17583 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: มีนาคม 02, 2014, 08:52:02 pm »
คลิปนาทีชีวิต หนุ่มซิ่งจยย.ฝ่าแผงกั้นรถไฟถูกรถไฟชนดับ


-http://auto.sanook.com/6440/คลิปนาทีชีวิต-หนุ่มซิ่งจยย.ฝ่าแผงกั้นรถไฟถูกรถไฟชนดับ/-


ภาพเหตุการณ์หนุ่มขี่จักรยานยนต์ฝ่าแผงกั้นรถไฟ บริเวณรางรถไฟถนนหลวงแพ่ง เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้ถูกรถไฟชนเสียชีวิต เป็นเหตุการณ์ที่เตือนสติผู้ใช้รถใช้ถนนได้เป็นอย่างดีว่า ไม่ควรขับรถฝ่าแผงกั้นรถไฟเพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิตได้



<iframe width="550" height="315" src="http://video.sanook.com/embed/player/524650" frameborder="0" allowfullscreen ></iframe>

http://video.sanook.com/player/524650/มอไซต์ฝ่าไฟแดง-รถไฟชนดับ!

 เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 18.30 น. เกิดเหตุรถไฟสายกรุงเทพฯ-ปราจีนบุรี ชนผู้ขับขี่จักรยานยนต์เสียชีวิต ทราบชื่อภายหลังคือ นายบุญยศักดิ์ กงเกียน อายุ 16 ปี  โดยขณะเกิดเหตุกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นภาพช่วงที่รถยนต์หยุดรอขบวนรถไฟ บริเวณแผงกั้นทางรถไฟ แต่ผู้ตายขับรถจักรยนต์ฝ่าแผงกั้นทางรถไฟ ทำให้ถูกรถไฟชนเสียชีวิต หลังเกิดเหตุมีผู้นำคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวมาเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อเตือนสติผู้ใช้รถใช้ถนนให้ปฎิบัติตามกฎ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว


(ขอบคุณเนื้อหาจาก VoiceTV)
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: มีนาคม 07, 2014, 05:34:44 am »
รถเมล์สาย 8 ก่อเรื่องอีก ตามเบียดเก๋งลอย ฉุนไม่ให้ทาง

-http://hilight.kapook.com/view/98911-








เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทวิตเตอร์ @jirasak

            รถเมล์สาย 8 ก่อเรื่องอีกแล้ว ตามเบียดรถเก๋งลอยพื้น หลังรถเก๋งไม่ยอมให้ทาง ชาวเน็ตแชร์ภาพว่อน วิจารณ์สนั่น

            หากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้มีผลสำรวจเกี่ยวกับการให้บริการรถประจำทางระบุว่า รถประจำทางสาย 8 หรือ รถเมล์สาย 8 เป็นรถเมล์ที่ควรปรับปรุงมากที่สุด เนื่องจากขับรถเร็วและอันตราย ไม่จอดรถรับส่งผู้โดยสารตรงป้าย สภาพรถเก่า ฯลฯ จนทำให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ขึ้นรถเมล์สาย 8 สำรวจปัญหาที่ได้รับร้องเรียนมาด้วยตัวเอง ซึ่งทางรถเมล์สาย 8 ก็สัญญาว่าจะปรับปรุงการบริการให้ดีขึ้น

            อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (6 มีนาคม 2557) กลับมีประเด็นของรถเมล์สาย 8 ให้ชาวเน็ตได้วิพากษ์วิจารณ์กันอีกแล้ว เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ @jirasak ได้โพสต์ภาพอุบัติเหตุรถเมล์สาย 8 สีขาว-น้ำเงิน หมายเลขหลังรถ 36-115 ที่อยู่ในช่องกลาง ขับไปเบียดรถยนต์ที่อยู่ในช่องขวาสุดจนรถยนต์ลอยขึ้นมาจากพื้นถนน พร้อมกับเขียนข้อความว่า



"คนขับรถเมล์คันนี้ขับเลวมาก ขับเบียดกับรถเก๋งตรงแยก รถเก๋งไปได้สุดท้ายมันตามไปเบียดคืนลอยเลยต่อหน้าต่อตา สงสารป้าคนขับ คนขับรถเมล์น่าจะมีสอบ EQ ก่อนให้ออกมารับผิดชอบชีวิตผู้โดยสารเยอะ ๆ นะ"

            ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวได้ถูกแชร์ต่อกันในโลกไซเบอร์อย่างรวดเร็ว พร้อมกับต่อว่าพฤติกรรมของคนขับรถเมล์สาย 8 ที่ยังไม่ปรับปรุง เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนซ้ำแล้วซ้ำเล่า นอกจากนี้ หลายคนยังเตือนให้ระมัดระวัง หากขับรถอยู่ใกล้ ๆ รถเมล์สาย 8 ให้รีบอยู่ให้ห่าง ๆ เข้าไว้




คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: เมษายน 05, 2014, 08:44:46 am »
พากย์จราจร เหมือนพากย์บอล อย่างฮา

-http://world.kapook.com/pin/533e824538217a4f1c000000-


http://world.kapook.com/pin/533e824538217a4f1c000000


.


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: เมษายน 05, 2014, 07:43:08 pm »
ไขปริศนา! นอนในรถอาจถึงตาย..เพราะอะไร?

-http://auto.sanook.com/6625/%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2..%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/-

ปัจจุบันเรามักได้ยินข่าวอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับการจอดรถติดเครื่องเพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศทิ้งไว้แล้วงีบหลับ จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด คุณผู้อ่านสงสัยไหมครับว่า ทำไมระบบปรับอากาศจึงเป็นอันตรายเฉพาะเวลาจอดรถนิ่งๆ แต่ไม่เป็นอันตรายขณะขับขี่

     ว่าไปแล้ว หากผู้ขับขี่มีอาการง่วงซึมไม่ว่าจะขับระยะทางใกล้หรือไกล การงีบหลับซักครู่ถือเป็นทางออกที่ดีในการเดินทางต่อไปอย่างปลอดภัย แต่รู้ไหมครับว่า ระบบปรับอากาศของรถที่จอดนิ่งๆ กลับมีอันตรายกว่าขณะที่รถกำลังขับเคลื่อน ซึ่งอันตรายที่ว่านั้น ไม่ใช่จากระบบเครื่องปรับอากาศของรถยนต์โดยตรง แต่เป็นมลพิษที่ออกมาจากท่อไอเสียนั่นเอง แต่คุณผู้อ่านสงสัยหรือไม่ครับว่า ควันจากท่อไอเสียนั้นเข้ามาในห้องโดยสารได้อย่างไร..?

     เรามักเข้าใจว่าระบบปรับอากาศในรถยนต์นั้นเป็นระบบปิดและหมุนเวียนภายในห้องโดยสาร 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ในความเป็นจริง แม้เราจะกดปุ่มเพื่อให้อากาศหมุนเวียนแล้ว แต่พัดลมแอร์ก็ยังดูดอากาศภายนอกบางส่วนเข้ามา (จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเราจึงได้กลิ่นจากภายนอกเมื่อเราขับรถผ่านควันเผาเศษขยะข้างทาง) ซึ่งถ้ารถยนต์มีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดนั้น พัดลมดังกล่าวก็จะดูดอากาศบริสุทธิ์เข้ามา (หรืออากาศที่ไม่อยู่ในระดับที่เป็นพิษ) ไม่ทำอันตรายต่อผู้โดยสารภายในรถ

 

     แต่ในทางกลับกัน หากจอดรถยนต์นิ่งๆแล้วปิดกระจกหน้าต่างทึบทั้ง 4 บาน พร้อมทั้งสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดแอร์ทิ้งไว้ ก็จะกลายเป็นสาเหตุให้อากาศจากท่อไอเสียโชยมายังบริเวณพัดลมแอร์ และถูกดูดเข้าไปยังห้องโดยสารทีละน้อยๆอย่างไม่รู้ตัว ทำให้ห้องโดยสารมีก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับที่เป็นพิษ โดยร่างกายจะรับสารดังกล่าวเข้าไปทีละน้อยจนเป็นเหตุให้ขาดออกซิเจน เป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด

     ทางที่ดี หากรู้สึกมีอาการง่วงซึมขณะขับรถ ก็ควรจะจอดแวะล้างหน้าล้างตา หรือดื่มกาแฟ หรือถ้าต้องการงีบหลับในรถยนต์ ก็ควรจอดรถในที่ที่ปลอดภัย เช่น ปั๊มน้ำมันหรือที่ที่มีคนพลุกพล่าน จากนั้นให้ดับเครื่องยนต์แล้วใช้วีธีแง้มกระจกลงเล็กน้อยทั้งสี่บาน เพื่อให้มีอากาศถ่ายเท และควรล็อครถไว้เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดี ทางที่ดีควรตั้งเวลาปลุกไว้ประมาณ 10-15 นาที ซึ่งน่าจะเพียงพอแล้วเพื่อให้หายอ่อนเพลีย และพร้อมจะเดินทางต่อไปโดยสวัสดิภาพ

     เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับเทคนิคดีดีที่เรานำมาฝากกัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการเดินทางไกลของคุณผู้อ่าน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ครับ

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: เมษายน 07, 2014, 07:02:32 am »
กำชับทุก บก.น. เข้ม 13 ข้อหาหลัก เตรียมจัดการจราจรแก้ปัญหารถติดหน้าห้าง
วันอาทิตย์ 6 เมษายน 2557 เวลา 16:45 น.


-http://www.dailynews.co.th/Content/bangkok/228383/%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%A3-



พล.ต.ต.อดุลย์  ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น.ดูแลงานจราจร เปิดเผยว่า จากที่ปีนี้เป็นปีแห่งการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บก.น.)จึงได้กำชับให้ทุก บก.น. 1-9 ดำเนินการกับผู้ที่ทำผิด 13 ข้อหาหลัก โดยผลการจับกุมตั้งแต่วันที่ 8มี.ค.-31 มี.ค. 57 พบว่ามีผู้กระทำความผิด 27,051 ราย โดยข้อหาที่พบผู้กระทำผิดมากที่สุดคือ จอดรถในที่ห้ามจอดจำนวน  18,021 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 3,628 ราย ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ 3,530 ราย นอกจากนี้ยังมีสถิติการร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบที่ทำให้รถติดผ่านทางสายด่วนจราจร 1197  โดยเก็บรวบรวมตั้งแต่เดือน ก.พ.-มี.ค. พบว่าตามถนนเส้นต่างๆในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีรถจอดในพื้นที่ห้ามจอดและจอดกีดขว้างการจราจรเป็นสาเหตุหลัก โดยเฉพาะในถนนที่มีการจราจรหนาแน่นอยู่แล้วอาทิ ถนนกรุงเกษม ถนนจักรพงษ์ ถนนนครไชยศรี ถนนประชาธิปไตย ถนนหลวง ถนนงามวงศ์วาน ถนนเกษตรนวมินทร์ ถนนหลานหลวง ถนนวิสุทธิกษัตริย์ ถนนอโศก-ดินแดง  ถนนพระราม6  ทั้งนี้ตนยังได้กำชับให้แต่ละสน.ไปดำเนินการกำหนดพื้นที่ที่จะเข้าไปจัดการจราจร ตามโครงการแก้ไขปัญหาการจราจรหน้าห้างสรรพสินค้า ตลาดและป้ายรถเมล์มาเพิ่มเพื่อจะได้เร่งขยายโครงการให้ทั่วกรุงเทพฯ
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: เมษายน 07, 2014, 07:36:13 am »
รถกับอันตรายจากมือถือ !!

-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1396802268&grpid=&catid=19&subcatid=1904-

รถกับอันตรายจากมือถือ

คอลัมน์ ไซเบอร์ทีน

โดย พี่ศรีหนุ่ย




นับตั้งแต่มีการนำโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือที่เราเรียกว่าโทรศัพท์มือถือมาใช้ อันตรายอันเกิดจากการใช้โทรศัพท์ระหว่างขับรถก็ดูเหมือนจะมีเพิ่มมากขึ้น สมัยก่อน ก่อนที่จะใช้มือถือ เราก็อาจจะเตือนกันว่า อย่าหันไปเปิดเพลง เปลี่ยนคลื่นวิทยุบ่อยๆ หรือก้มลงเก็บของ เพราะอาจจะทำให้เราเสียสมาธิในการขับรถได้

แต่พอมีมือถือใช้ ก็เริ่มต้องเปลี่ยนการเตือนเป็นว่า อย่าคุยโทรศัพท์ขณะขับรถ เพราะอาจทำให้เราเสียสมาธิได้ ยิ่งวิวัฒนาการมากขึ้น มาเป็นการส่งข้อความสั้น หรือเอสเอ็มเอส ก็ยิ่งทำให้เราต้องละสายตาจากการมองข้างหน้ารถ มาเป็นมองแป้นพิมพ์บนมือถือ ก็ยิ่งทำให้เสี่ยงต่ออันตรายมากขึ้น

จนมาถึงตอนนี้ การส่งข้อความยิ่งนิยมมากขึ้น รวมไปถึงการเปิดดูเฟซบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ก็แล้วแต่ ในช่วงที่กำลังขับรถอยู่ ก็ยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงอันตรายระหว่างการขับรถมากขึ้น

มีรายงานข่าวของเอ็นบีซีนิวส์ ที่นำตัวเลขน่าสนใจของสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับเรื่องการใช้โทรศัพท์เพื่อส่งข้อความระหว่างการขับรถ ระบุไว้ว่า แต่ละปีมีรถที่เกิดอุบัติเหตุเนื่องจากการใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถ มากถึงราว 1.6 ล้านครั้งในสหรัฐ !!

ขณะที่เราต้องใช้เวลาในการเหลือบไปอ่านข้อความบนมือถือแต่ละครั้งอยู่ที่ประมาณ 4.6 วินาที เท่ากับเราต้องละสายตาจากการขับรถไปชั่วขณะ ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอย่างยิ่ง

ตอนนี้ในสหรัฐ ซึ่งมีรัฐทั้งหมดอยู่ 50 รัฐ มีอยู่กว่า 40 รัฐแล้วที่ออกกฎหมายให้การส่งข้อความไปและขับรถไปเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และบทลงโทษก็มีความรุนแรงมากขึ้น

และว่า ตัวเลขของการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นถึง 1 ใน 4 เชื่อว่าเกี่ยวเนื่องกับการใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม แต่ตอนนี้สหรัฐเองก็ยังไม่มีมาตรฐานในการสอบสวนอุบัติเหตุเหล่านี้ขึ้นมาอย่างจริงจัง เพื่อตั้งเป็นกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์มือถือทั้งหลายในขณะขับรถ

เชื่อแน่ว่า ในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทยที่นิยมการใช้มือถือขณะขับรถ รวมทั้งการอ่านข้อความหรือส่งข้อความขณะขับรถ ก็น่าจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอยู่ไม่ใช่น้อย

เช่นนั้นแล้วก็ฝากเตือนฝากบอกกันไปนะจ๊ะว่าขับรถต้องมีสมาธิอยู่ที่การขับ อย่าเพิ่งวอกแวกไปกับข้อความที่ส่งเข้ามามาก เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้ว จะไม่คุ้ม




คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: เมษายน 12, 2014, 07:39:41 pm »
อภ.เตือนกินยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ก่อนขับรถ ระวังง่วง

-http://club.sanook.com/28965/%E0%B8%AD%E0%B8%A0-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%94-%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A5-


ช่วงวันหยุดยาวนี้หลายท่านคงมีแผนเดินทางเพื่อกลับบ้านหรือท่องเที่ยวต่างจังหวัดกันใช่ไหมคะ การเดินทางไกลด้วยการขับรถนานๆในสภาพอากาศร้อนจัดแบบนี้อาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้าและไม่สบายได้ง่าย ทางแก้ที่ง่ายคือหายามารับประทาน แต่การทานยานั้น ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยองค์การเภสัชกรรมได้มีคำเตือนเกี่ยวกับการทายยาแก้ปวดและยาคลายกล้ามเนื้อมาดังนี้

 

องค์การเภสัชกรรมเตือนประชาชนที่ต้องเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ให้ระวังการทานยาแก้ปวด และยาคลายกล้ามเนื้อ ก่อนขับรถ อาจทำให้ง่วง หลับในและเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้



ภญ.นิภาพร ชาตะวิริยะพันธ์ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนจำนวนมากต้องเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถยนต์จำนวนมาก และปีนี้จากการคาดการณ์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนประมาณ 268-334คน  ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน หนึ่งในนั้นคืออาการง่วงนอนหรือหลับใน องค์การฯจึงขอเตือนผู้ที่ต้องขับรถเดินทางควรระมัดระวังในการรับประทานยาแก้ปวด และยาคลายกล้ามเนื้อ อาทิ ยาแก้ปวดทรามาดอล(Tramadol), ยาแก้ปวดอะมิทริปทัยลีน(Amitriptyline) และยาแก้ปวดกาบ้าเพนติน(Gabapentin) เป็นต้น ซึ่งยาเหล่านี้มีฤทธิ์ในการกดประสาทส่วนกลาง เพื่อบรรเทาอาการปวด  ส่วนยาคลายกล้ามเนื้อ อาทิ ยาโทลเพอริโซน (Tolperisone) และยาออเฟเนดรีน (Orphenadrine)   ยาเหล่านี้มีฤทธิ์ในการลดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดอาการปวดตึงทั้งร่างกาย ซึ่งยาทั้ง 2กลุ่มนี้ มีผลข้างเคียงมากน้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล อาจจะทำให้ลดประสิทธิภาพในการขับขี่ ทำให้ตัดสินใจได้ช้าลง มองเห็นเป็นภาพเบลอ ไม่ชัด ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

 

รองผู้อำนวยการฯ กล่าวอีกว่า ไม่เพียงยาทั้ง 2 ชนิดดังกล่าว ยังมียาที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วงนอนชนิดอื่นๆ ซึ่งควรหลีกเลี่ยงเมื่อต้องขับรถเช่นกัน อาทิ ยาแก้แพ้ลดน้ำมูก, ยาแก้แพ้ แก้คัน, ยากล่อมประสาท, ยาคลายกังวล, ยาแก้เวียนศีรษะ และยาแก้เมารถ นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ทานยาลดน้ำตาลในเลือด และต้องขับรถ หากระหว่างการเดินทางไม่สามารถทานอาหารได้ตรงเวลา อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป ทำให้เวียนศีรษะ หน้ามืด เหงื่อออกมาก ใจสั่น และอาจหมดสติได้ จึงจำเป็นต้องเตรียมอาหาร ลูกอม น้ำหวานไว้ระหว่างการเดินทาง เพื่อป้องกันการเกิดอาการดังกล่าว นอกจากนี้ไม่ควรทานยาร่วมกับเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ เช่น ดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับยาลดน้ำมูก จะทำให้อาการง่วงของยาเพิ่มขึ้น ดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับยาบรรเทาปวด ลดไข้ จะทำให้ตับเสียหายได้มากขึ้น เป็นต้น

 

ดังนั้น ก่อนการเดินทางทุกครั้ง ควรมีการวางแผนการเดินทาง และวางแผนการทานยาก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทาง ว่ายาแต่ละชนิดที่ต้องทานในระหว่างการเดินทางนั้น มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง โดยปรึกษาแพทย์, เภสัชกร หรือโทรปรึกษาปัญหาการใช้ยาได้ที่ Call Center องค์การเภสัชกรรม 1648 ฟรี

 

ที่มา :: สำนักงานสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: เมษายน 13, 2014, 06:31:52 pm »
มาเช็คสภาพรถแบบง่ายๆรับสงกรานต์ 2557 กันดีกว่า

-http://auto.sanook.com/6642/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B9%87%E0%B8%84%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%86%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-2557-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2/-




 ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2557 ถือเป็นช่วงเวลาที่หลายคนออกเดินทางกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัด และอีกหลายครอบครัวก็ใช้เวลานี้ในการเดินทางท่องเที่ยว ฉะนั้นสิ่งสำคัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องความพร้อมของรถยนต์ที่จะใช้เดินทางนั่นเอง หากรถเสียกลางทางขึ้นมาคงหมดสนุกแย่

     วันนี้ Sanook!Auto มีข้อแนะนำการตรวจเช็ครถอย่างง่ายๆ เพื่อให้พร้อมสำหรับการเดินทางไกลมาฝากครับ

 


     1.ตรวจสอบไฟส่องสว่างทุกดวง

     ให้เปิดไฟหน้า ไฟฉุกเฉิน และไฟตัดหมอกทุกดวง แล้วเดินตรวจสอบภายนอกว่่าหลอดไฟทุกจุดทำงานปกติ ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง หากหลอดใดขาดควรรีบเปลี่ยนใหม่ทันที โดยสามารถซื้อมาเปลี่ยนได้ด้วยตัวเองตามคำแนะนำในคู่มือ หรือนำรถเข้าศูนย์บริการก็ย่อมได้


 

     2.ตรวจสอบรอยรั่วในเครื่องยนต์

     หากรถใช้งานมาแล้วหลายปี อาจมีการเสื่อมสภาพของซีลน้ำมันต่างๆบริเวณห้องเครื่องได้ ให้จอดรถทิ้งไว้หนึ่งคืน แล้วก้มลงตรวจสอบบริเวณพื้นว่ามีคราบน้ำมันหยดลงมาหรือไม่ (หรือหากจอดไว้ตำแหน่งเดิมเป็นประจำอยู่แล้วสามารถตรวจสอบได้ทันที) หากพบว่ามีคราบน้ำมันใดๆก็ตาม แสดงว่าอาจมีอาการรั่วจากซีลหรือปะเก็นต่างๆ ให้นำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการให้เรียบร้อยเสียก่อน


 

     3.ตรวจสอบระดับของเหลวต่างๆในเครื่องยนต์

     ให้ทำการตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ รวมไปถึงระดับน้ำล้างกระจก ระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ (กรณีใช้แบตฯแบบเปียก) ระดับน้ำในหม้อน้ำและหม้อพักน้ำ โดยรถแต่ละรุ่นจะมีวิธีการตรวจเช็คต่างกันไป ให้ปฏิบัติตามตามคำแนะนำในคู่มือ หากพบว่าอยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐาน ควรหาซื้อน้ำมันที่ตรงตามสเป็คเดิมมาเติมเมื่อมีโอกาส


 

     4.ตรวจสอบความดันลมยาง

     ยางเป็นสิ่งเดียวที่สัมผัสกับพื้นถนน ดังนั้นจึงควรตรวจสอบสภาพยางก่อนออกเดินทาง ดอกยางควรมีความลึกไม่ต่ำกว่า 2 มม. และควรสึกเท่ากันทั้งเส้น หากสึกไม่เท่ากันอาจเป็นเพราะความผิดปกติของช่วงล่าง หรือความดันลมยางที่มากหรือน้อยกว่าที่กำหนดไปมาก และควรตรวจสอบด้วยสายตาว่ามียางบวมหรือไม่ ทั้งบริเวณหน้ายางและแก้มยางด้านใน-นอก รวมไปถึงยางอะไหล่ด้วย

     ระดับความดันลมยางมาตรฐานมักระบุไว้บริเวณด้านล่างของเสากลางรถ ควรเติมลมยางตามที่กำหนดไว้


 

     5.ตรวจสอบสภาพยางที่ปัดน้ำฝน

     ยางใบปัดน้ำฝนอาจมีอาการเสื่อมสภาพได้เมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานๆ ขณะที่รถคุณผู้อ่านมีโอกาสเปียกจากเทศกาลสงกรานต์นี้ จึงควรตรวจสอบสภาพใบปัดด้วยการฉีดน้ำล้างกระจก หากมีรอยน้ำค้างอยู่บนกระจก ควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนใหม่


 

     6.ตรวจสอบอุปกรณ์ติดรถ

     ตรวจสอบอุปกรณ์ติดรถว่ายังอยู่ครบถ้วนหรือไม่ เช่น แม่แรง, ประแจขันน็อตล้อ, ไขควง, ชุดปฐมพยาบาล ฯลฯ นอกจากนั้นยังควรหาซื้ออุปกรณ์ฉุกเฉินเช่น สายพ่วงแบต, สายลากจูง ,ป้ายสะท้อนแสง หรือไฟฉายตามความเหมาะสมเผื่อในกรณีฉุกเฉิน

     สิ่งต่างๆเหล่านี้ ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานความปลอดภัยในการขับขี่อยู่แล้ว ซึ่งควรหมั่นตรวจสอบเป็นระยะไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเทศกาลหรือไม่ก็ตาม นอกจากนั้น ความพร้อมของผู้ขับขี่ถือเป็นสิ่งสำคัญ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นอันขาด และเคารพกฎจราจร เพื่อช่วยให้ทุกชีวิตบนท้องถนน เดินทางไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย



คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: เมษายน 26, 2014, 07:28:49 am »
‘ขับรถชนคนตาย‘ ไม่ต้องติดคุกจริงหรือ..?



-http://auto.sanook.com/6672/%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD/-



จากกรณีที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาสาวซีวิคชนรถตู้บนโทลเวย์เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ เมื่อช่วงปี พ.ศ. 2553 ให้รับโทษรอลงอาญา 4 ปี และบำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมง ทำให้ชาวโซเชียลหลายคนข้องใจเกี่ยวกับบทลงโทษของผู้ก่อเหตุ ซึ่งบ้างก็ว่าโทษนั้นเบาเกินไป บ้างก็ว่าเหมาะสมดีแล้ว บ้างก็สงสัยว่าคดีนี้มีผู้เสียชีวิตถึง 9 ศพ แล้วทำไมผู้ก่อเหตุไม่ต้องเข้าคุก


วันนี้ Sanook!Auto จะมาไขข้อข้องใจว่าทำไม 'ขับรถชนคนตาย' ถึงไม่ติดคุก..?

     การขับรถด้วยความเร็วแล้วเกิดอุบัติเหตุ ถือว่าเป็นการ 'ขับรถโดยประมาท' ซึ่งผลจากอุบัติเหตุมักก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นคดีอาญาที่ไม่สามารถยอมความได้ โดยอุบัติเหตุขับรถชนคนนั้น เกี่ยวข้องกับความผิดตามกฎหมายอาญา 2 มาตราด้วยกัน ได้แก่

     1. ป.อ.มาตรา 291 ระบุว่า "ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุ ให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท"
     2. ป.อ.มาตรา 300 ระบุว่า "ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน หกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

     สรุปคือ หากขับรถโดยประมาทจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และ/หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท แต่หากมีผู้เสียชีวิต ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และ/หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท

 

     เห็นแบบนี้แล้วสงสัยไหมครับว่า ทำไมคดีสาวซีวิคจึงไม่ต้องติดคุก?

     ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ฐานขับรถโดยประมาท มาตรา 78 ระบุไว้ว่า หากผู้ใดขับรถแล้วก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นความผิดของฝ่ายใด ต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร พร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ซึ่งถือเป็นสามัญสำนึกของผู้กระทำการที่จะต้องให้ความช่วยเหลือ ไม่หลบหนี

     ซึ่งจุดนี้เอง ศาลจะพิจารณาจากพยานหลักฐานต่างๆว่าผู้กระทำผิดกระทำการโดยประมาทหรือไม่ แสดงความรับผิดชอบต่อผู้ประสบเหตุอย่างไร นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลหรือไม่ เข้าไปเยี่ยมอาการตามสมควรหรือเปล่า มีการชดใช้ค่าเสียหายตามสมควรเพียงใด สิ่งเหล่านี้ตำรวจจะรวบรวมหลักฐานส่งให้อัยการ เพื่อให้ศาลปราณีลดโทษจำคุก รอลงอาญา ทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์แทน เป็นต้น

     แต่หากผู้กระทำการหลบหนีไป (แม้ว่าตกใจหนีกลับบ้านแล้วเปลี่ยนใจกลับมาที่หลัง ก็ถือว่าหลบหนี) กฎหมายให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำผิด และตำรวจมีอำนาจยึดรถไว้ได้จนกว่าจะได้ตัวผู้ขับขี่หรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

     อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้กระทำผิดจะได้รับการพิพากษารอลงอาญา โดยไม่ต้องถูกจำคุก ผู้กระทำผิดยังคงต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฐานละเมิดจากความประมาทเลินเล่อ ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รวมถึงทรัพย์สินที่เสียหายอยู่ดี

     ทางออกที่ดีที่สุด คือการปฏิบัติตามกฏจราจร เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุให้น้อยที่สุด แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ควรให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างเต็มกำลัง ห้ามหลบหนี เพื่อโทษหนักจะได้เป็นเบานั่นเอง

 

     ขอบคุณภาพประกอบจาก Sanook News






คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2014, 08:05:48 pm »
บก.02 ย้ำชัด ตร.สามารถยึดใบขับขี่ได้

-http://auto.sanook.com/6696/%E0%B8%9A%E0%B8%81.02-%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%94-%E0%B8%95%E0%B8%A3.%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A2%E0%B8%B6%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89/-


 บก.02 ระบุกรณีผู้ขับขี่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย พนักงานจราจรสามารถเรียกเก็บใบขับขี่ชั่วคราวได้ แต่ต้องออกใบรับแทนใบอนุญาตขับขี่ให้แก่ผู้ขับขี่ไว้ เมื่อผู้ขับขี่ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบแล้ว ให้คืนใบอนุญาตขับขี่ทันที

ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร หรือ บก.02 โพสต์ข้อความยืนยันกรณีที่ผู้ขับขี่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย  ในการออกใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่จะเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ไว้เป็นการชั่วคราวก็ได้ แต่ต้องออกใบรับแทนใบอนุญาตขับขี่ให้แก่ผู้ขับขี่ไว้ และเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องรีบนำใบอนุญาตขับขี่ที่เรียกเก็บไว้ไปส่งมอบพนักงานสอบสวนภายใน 8 ชั่วโมง นับแต่เวลาที่ออกใบสั่งใบรับแทนใบอนุญาตขับขี่

    เมื่อเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานสอบสวนได้ว่ากล่าวตักเตือนหรือทำการเปรียบเทียบปรับและผู้ขับขี่ได้ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบแล้ว ให้คืนใบอนุญาตขับขี่ทันที รายละเอียดทั้งหมด มีดังนี้


     "แชร์กันมาเป็นสิบๆปีแล้ว กฏหมายมีระบุไว้ชัดครับ ต้องคอยตอบทุกวัน"

     "มาตรา ๑๔๐ เมื่อเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่พบว่าผู้ขับขี่ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎหมายอันเกี่ยวกับรถนั้นๆ จะว่ากล่าว ตักเตือนผู้ขับขี่ หรือออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบก็ได้ ในกรณีที่ไม่พบตัวผู้ขับขี่ก็ให้ติดหรือผูกใบสั่งไว้ที่รถที่ผู้ขับขี่เห็นได้ง่าย"

     "สำหรับความผิดที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๕๗/๑ มาตรา ๑๕๙ มาตรา ๑๖๐ มาตรา ๑๖๐ ทวิ และมาตรา ๑๖๐ ตรี ห้ามมิให้ว่ากล่าวตักเตือนหรือทำการเปรียบเทียบ"

     "ในการออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบตามวรรคหนึ่งเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่จะเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ไว้เป็นการชั่วคราวก็ได้ แต่ต้องออกใบรับแทนใบอนุญาตขับขี่ให้แก่ผู้ขับขี่ไว้ และเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องรีบนำใบอนุญาตขับขี่ที่เรียกเก็บไว้ไปส่งมอบพนักงานสอบสวนภายในแปดชั่วโมง นับแต่เวลาที่ออกใบสั่ง"

"ใบรับแทนใบอนุญาตขับขี่ที่ออกให้ตามวรรคสามให้ใช้แทนใบอนุญาตขับขี่ได้เป็นการชั่วคราวไม่เกินเจ็ดวัน เมื่อเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานสอบสวนได้ว่ากล่าวตักเตือนหรือทำการเปรียบเทียบปรับและผู้ขับขี่ได้ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบแล้ว ให้คืนใบอนุญาตขับขี่ทันที"

     "ในกรณีเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบสั่งแต่ไม่พบตัวผู้ขับขี่ ให้สันนิษฐานว่าเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถเป็นผู้กระทำผิดดังกล่าวเว้นแต่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้อื่นเป็นผู้ขับขี่
การกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนด"

     "ใบสั่งและใบรับแทนใบอนุญาตขับขี่ ให้ทำตามแบบที่เจ้าพนักงานจราจรกำหนด"

 

ขอบคุณเนื้อหาจาก VoiceTV
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)