นี่เป็น พระปลอม เป็นมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นพระภิกษุ
-------------------------------------------------------------------
มารศาสนา!! รวบอดีตตำรวจหนีหมายจับบวชเป็นพระวัดดังย่านปทุมธานีหลอกเรี่ยไรเงินประชาชน
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
5 ธันวาคม 2558 12:56 น. (แก้ไขล่าสุด 5 ธันวาคม 2558 13:08 น.)
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000134440MGR Online - เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหา อ้างตัวเป็นพระวัดชื่อดัง ย่านปทุมธานี หลอกลวงเหยื่อรับบริจาคเงินไถ่ชีวิตโคกระบือผ่านเฟสบุ๊ค ตรวจสอบประวัติพบเคยรับราชการตำรวจยศร้อยโท แต่ถูกให้ออก เพราะต้องโทษคดีลักทรัพย์
วันนี้(5ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.วิชัย ณรงค์ รองผกก.สส.สน.ทองหล่อ และพ.ต.ต.ภานุภัทร กิตติพันธ์ สว.สส.สน.ทองหล่อ รวมถึงพ.ต.ท.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ รอง ผกก.สส.สน.เพชรเกษม ได้ร่วมกันนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ และสน.เพชรเกษม ทำการจับกุมตัวนายรวิภาส รวิภาสนิติกุล อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1265/222 ซ.กาญจนาภิเษก008 แขวงบางแค เขตบางแต กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน ที่6/2555 ลงวันที่ 9 มกราคม 2555 โดยสามารถจับกุมได้ที่ หน้าร้านเดโม่ ซอยทองหล่อ 10 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากได้มีการโพสต์ภาพและข้อมูลเตือนภัย ในเพจเฟสบุ๊คชื่อดัง เกี่ยวกับกรณีมีพระรูปหนึ่งที่ชื่อ “พระรวิภาส รวิภาสนิติกุล” ซึ่งก่อนหน้านี้มีพฤติกรรมหลอกลวงด้วยการทำเพจขึ้น และทำการเรี่ยไรไถ่ชีวิตโคกระบือโดยให้คนโอนเงินเข้ามาบัญชีตนเอง กระทั่งมีผู้ใจบุญหลงตกเป็นเหยื่อมากมายนับร้อยราย
โดยภายหลังพบว่า พระรูปนี้ได้ทำการถอนเงินจากธนาคารเป็นจำนวนหลายล้านบาท เพื่อนำไปทำบุญกับวัดชื่อวัดธรรมกาย ย่านปทุมธานี ทำให้ผู้ที่เคยบริจาคไถ่ชีวิตโคกระบือกับพระรวิภาสได้เข้ามาตั้งคำถามผ่านเฟสบุ๊ค และเรียกร้องให้พระรวิภาสแสดงหลักฐานแก่ผู้ที่เคยทำบุญบริจาคไป กระทั้งมีข้อมูลว่านายรวิภาส ได้สึกจากความเป็นพระแล้ว แต่ยังแอบอ้างหลอกรับเงินจากคนที่ไม่รู้เท่าทันต่อไป จนทำให้กลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันเปิดกรุ๊ปในเฟสบุ๊กเพื่อแชร์และแลกเปลี่ยนข้อมูลในการติดตามเอาผิด มารศาสนารายนี้ ชื่อกลุ่ม "กลุ่มผู้เสียหายกรณีรวิภาส รวิภาสนิติกุล" อีกด้วย
จากนั้นตำรวจชุดจับกุมจึงได้แกะรอยหาเบาะแสทราบว่า นายรวิภาสเป็นนักเที่ยวกลางคืนตัวยง และทิปหนัก โดยสถานที่ชื่นชอบไปมาก ตามย่านทองหล่อ เอกมัย และย่านเลียบด่วนรามอินทรา กระทั่งเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา มีข้อมูลว่าพบคนร้ายรายนี้ได้เดินทางมาเที่ยวสถานบันเทิงในซอยทองหล่อ10 จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบพบบุคคลมีรูปพรรณคล้ายบุคคลตามผู้เสียหายระบุ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมแต่เจ้าตัวขัดขืน พร้อมอ้างตัวว่า "กูเป็นสารวัตรชื่อโอ๊ต" และพยายามหลบหนี แต่ทางตำรวจสามารถควบคุมตัวไว้ได้ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่ สน.ทองหล่อ
สอบสวนผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เคยรับราชการตำรวจ ยศร้อยตำรวจโท ดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งครุ แต่ถูกให้ออกเนื่องจากหลบหนีหมายจับคดีลักทรัพย์ พื้นที่ สน.ทุ่งครุ ทำให้ขาดราชการ 15 วัน จนต้องออกจากราชการเมื่อปี 2549 จากนั้น 6 ปีต่อมาได้มาบวชเป็นพระสงฆ์กับทางวัดธรรมกาย ตลอดช่วงเวลาที่บวชเป็นพระมักจะมีพฤติกรรมชอบแชร์ข้อมูลการทำบุญของตนเองผ่านทางเฟสบุ๊ค จนมีคนติดตามกันเป็นจำนวนมาก
จากนั้นเมื่อช่วงปลายปี 2557 ได้สึกออกมาจากการเป็นพระ แต่ยังไม่มีงานทำขาดรายได้ จึงคิดหารายได้ทางลัด โดยการหลอกเหยื่อว่ารับบริจาคเงินไถ่โคกระบือดังกล่าว ผ่านทางบัญชีส่วนตัว ส่วนใหญ่เหยื่อหลงเชื่อโอนให้เป็นจำนวนหลักพัน วันละ 10-20 ราย จากนั้นจะนำเงินที่ได้ไปซื้อรถเบ็นซ์ รุ่น เอสแอลเค ราคาประมาณ 5 ล้านบาท รวมทั้งสามารถซื้อคอนโดหรู ย่านห้วยขวาง บางส่วนจะนำไปใช้เที่ยวเตร่ตามสถานบันเทิง แต่ละครั้งจะอ้างตัวเป็นตำรวจยศสารวัตร เพื่อจีบหญิงสาวในผับนั้นๆ และจะแจกทิปเด็กในร้านเสมอ จนทำให้หลายคนหลงเชื่อ จนมาถูกจับกุมดังกล่าว ส่วนเครื่องแบบตำรวจที่ประดับยศ สารวัตร นั้นตนซื้อมาเพื่อไว้ถ่ายภาพไปแอบอ้างเหยื่อ
นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ติดคดี ฉ้อโกงค่าอาหารในโรงแรมแห่งหนึ่ง พื้นที่ สน.ท่าข้าม เมื่อปี 2549 อีกด้วยอย่างไรก็ตามทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพรายนี้ หากมีผู้เสียหายรายใดถูกคนร้ายก่อเหตุลักษณะดังกล่าวสามารถเดินทางเข้าชี้ตัวได้ที่ สน.ทองหล่อ เบื้องต้นแจ้งข้อหา "ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม ทำปลอมขึ้นซึ่งรอยตราพรพปรมาภิไธย และใช้รอยตราพระปรมาภิไธยที่ทำปลอมขึ้น "ก่อนนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย