อาจารย์หรีด วัดป่าโมกข์ พระมั่วสีกา ถูก พศ. สั่งห้ามบวชซ้ำอีก
-http://hilight.kapook.com/view/91327-
อาจารย์หรีด วัดป่าโมกข์
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก g-pra.com
อาจารย์หรีด วัดป่าโมกข์ พระเกจิคนดังที่ปรากฏในคลิปพระมั่วสีกา ถูกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติสั่งขึ้นบัญชีดำ ห้ามบวชซ้ำอีก ด้านสามีผู้หญิงในคลิปเผยเป็นคนตั้งกล้องถ่ายเอง รับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น เตรียมขอหย่าภรรยา พาลูกสาวไปเลี้ยงเอง
จากกรณีที่มีคลิปพระมั่วสีกาถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ โดยมีการระบุว่า พระรูปดังกล่าวเป็นเจ้าอาวาสชื่อดังของวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพังงา และเมื่อคลิปดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก กระทั่งในวันที่ 18 กันยายน 2556 ก็มีรายงานว่า พระรูปดังกล่าวได้ขอลาสิกขาต่อพระเทพปัญญาโมลี เจ้าคณะจังหวัดพังงา แล้ว ตั้งแต่เมื่อเวลา 04.00 น. ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (19 กันยายน 2556) มีการเปิดเผยชื่อของพระรูปดังกล่าวออกมาแล้วว่า คือ อาจารย์หรีด หรือ พระครูบุญญาภินันท์ เจ้าอาวาสวัดป่าโมกข์ หรือวัดปากพู่ ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา โดยท่านถือเป็นพระเกจิสายเขาอ้อ และเป็นเจ้าคณะอำเภอกะปงที่มีลูกศิษย์ลูกหานับหน้าถือตาเป็นอย่างมาก ขณะที่ชาวบ้านในแถบภาคใต้ก็ให้การเคารพนับถือยกย่องเป็นพระนักพัฒนาอีกรูปหนึ่ง
ทั้งนี้ ตลอดทั้งวันของเมื่อวานนี้ ได้มีลูกศิษย์ของอาจารย์หรีดจำนวนหนึ่งเดินทางมายังวัดป่าโมกข์ จ.พังงา เพื่อติดตามข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งหลายคนเมื่อได้ทราบว่า อาจารย์หรีด ลาสิกขาไปแล้ว ก็ถึงกับร้องไห้ และรับไม่ได้กับภาพที่ปรากฏในคลิป
ด้าน นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ในพระธรรมวินัยระบุไว้ชัดเจนว่าหากพระสงฆ์กระทำผิดด้วยการเสพเมถุนจะต้องอาบัติปาราชิกสถานเดียว และทาง พศ. จะขึ้นบัญชีดำอดีตพระเกจิชื่อดังรูปนี้ไม่ให้กลับมาบวชอีกตลอดชีวิต ส่วนเรื่องความผิดด้านอื่น ๆ นั้น ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบต่อไป เพราะในทางสงฆ์ยังไม่มีกฎหมายที่จะเอาผิดได้
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์ ได้สัมภาษณ์สามีของผู้หญิงที่ปรากฏในคลิป ซึ่งสามียืนยันว่าเป็นคนตั้งกล้องถ่ายพฤติกรรมดังกล่าวไว้เอง เพราะสังเกตเห็นว่า พระอาจารย์รูปดังกล่าวแวะเวียนไปมาหาสู่ที่บ้านของตนเสมอตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา โดยตอนแรก ๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเห็นว่าเป็นพระเกจิชื่อดัง แต่นาน ๆ เข้าก็รู้สึกผิดสังเกตจึงตั้งกล้องไว้บันทึกเหตุการณ์
สามีของผู้หญิงที่ปรากฏในคลิปเล่าต่อว่า กระทั่งวันหนึ่งกลับมาเปิดภาพในกล้องวิดีโอดูก็ต้องตะลึงที่ปรากฏภาพเช่นนี้ จึงนำภาพไปส่งมอบให้กับเจ้าคณะจังหวัดพังงา เพื่อให้ดำเนินการสึกพระเกจิดังรูปนี้เสีย อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่าตอนที่เห็นภาพในครั้งแรกรู้สึกเสียใจและรับไม่ได้ ถึงขนาดคิดจะไปเอาชีวิตพระรูปนี้เลย แต่ขอยืนยันว่า ตนเองแค่ตั้งกล้องถ่าย ไม่ได้เป็นผู้ปล่อยคลิปลงในโลกออนไลน์ คาดว่าภาพคงจะถูกนำออกไปตอนที่ไปยื่นเรื่องให้เจ้าคณะจังหวัดพังงาดำเนินการ
เมื่อถามว่าจะจัดการกับเรื่องครอบครัวอย่างไร ผู้ชายคนดังกล่าวระบุว่า ทางภรรยาได้ออกมายอมรับผิดแล้ว แต่ตนคงจะต้องขอหย่าให้เร็ววันนี้ โดยตนจะขอเลี้ยงดูลูกสาวเอง และคงอยู่กับลูกสาวเพียง 2 คน ไม่กลับไปใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาอีกแล้ว
สำหรับประวัติของพระอาจารย์หรีด หรือ พระครูบุญญาภินันท์ นั้น เคยบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดคีรีเขต อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ก่อนอุปสมบทเป็นพระที่วัดศรีนิคม อ.ตะกั่วป่า ในปี พ.ศ. 2524 ซึ่งอายุครบ 20 ปี จากนั้นได้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมจนได้นักธรรมเอก แล้วเดินทางไปศึกษาด้านสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ที่วิเวกอาศรม
ในช่วงนั้น พระอาจารย์หรีดได้ออกธุดงค์ไปตามป่าแถบ จ.เชียงใหม่ และได้ศึกษาเล่าเรียนด้านต่าง ๆ รวมทั้งเจริญสมาธิภาวนาอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะเดินทางกลับไปภาคใต้ แล้วเล่าเรียนวิชากับครูบาอาจารย์สายเขาอ้อ กระทั่งได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าโมกข์ กับพระครูโสภณวิริยาภรณ์ ภายหลังเจ้าอาวาสวัดป่าโมกข์มรณภาพลง พระอาจารย์หรีดจึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสแทน
ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่ พระอาจารย์หรีดเป็นเจ้าอาวาสก็ได้ใช้วิชาความรู้พัฒนาวัดป่าโมกข์ให้เจริญรุ่งเรือง และได้รับความเคารพนับถือจากชาวบ้านในแถบภาคใต้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นหนึ่งในพระนักพัฒนา กระทั่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูบุญญาภินันท์ และในปี 2554 ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอกะปง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.dailynews.co.th/thailand/233988-
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM09UVTFOVGd3TUE9PQ==§ionid=-