เปิดปูม 2 เจ้าอาวาสฉาว กกสีกา-อนาจารหนุ่ม ลุยจับสึกพ้นผ้าเหลือง
อนงค์ วงศ์ช่วย พฤตินัย มั่งสวัสดิ์ วัฒนชัย จำนงทอง เรื่อง/ภาพ
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM016QXlPVE0yTVE9PQ==§ionid=-
เรื่องราวฉาวโฉ่ในวงการผ้าเหลือง ปรากฏเป็นข่าวอยู่ทุกวี่วัน
ตั้งแต่ พระดังระดับชาติ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องความเหมาะสมต่อวัตรปฏิบัติต่างๆ นานา จนลุกลามบานปลายไปถึงบัญชีเงินบริจาค ที่รอพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏ
หรือแม้กระทั่งพระระดับเจ้าอาวาส ในระดับภูมิภาคต่างๆ ก็ขยันสร้างข่าวฉาว ทำเรื่องเสื่อมเสียให้เกิดขึ้นอยู่ บ่อยครั้ง
คราวนี้เกิดขึ้นถึง 2 ครั้งซ้อนๆ ทั้งเรื่องอนาจารเด็กหนุ่ม และพาสีกามาร่วมหลับนอน
สุดท้ายถูกจับสึกเพื่อมิให้ศาสนามัวหมอง
ราย แรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่จ.อุดรธานี เมื่อตำรวจชุดสืบสวนพิรุณเมืองอุดรธานี บุกเข้าค้นกุฏิเจ้าอาวาสวัดป่าศรีศรัทธาธรรม ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นการขยายผลจากการจับกุมวัยรุ่นวัย 17 ปี พร้อมปืนลูกซอง ในข้อหายาเสพติด
เมื่อสอบสวนหนักเข้าก็สารภาพว่าพระเงิน ปัญญาวุฑโฒ เจ้าอาวาส มอบให้ศิษย์คนสนิทไว้ป้องกันตัว
เมื่อ เข้าไปถึงกุฏิดังกล่าวก็ถึงกับตะลึง เมื่อภาพที่ปรากฏเป็นอาวุธปืน อื้อซ่า ทั้งลูกซองยาว ลูกซองสั้น ปืนพก .38 ปืนเอ็ม 16 แบบบีบีกัน พร้อมกระสุนอีกนับสิบ เรียกได้ว่าเป็นคลังแสงย่อมๆ เลยทีเดียว
เมื่อ ตรวจสอบเพิ่มเติม สิ่งที่พบทำให้เจ้าหน้าที่ถึงกับอึ้ง เมื่อเจอซีดีลามกอนาจารกองเต็มห้อง มิหนำซ้ำยังเป็นหนังลามกระหว่างชายกับชาย อีกด้วย!!!
เมื่อเช็กจากโทรศัพท์มือถือ ก็พบคลิปในลักษณะดังกล่าวอยู่เต็มไปหมด
เจ้า หน้าที่จึงนำตัวพระเงิน เจ้าอาวาสวัดดังกล่าวมาสอบสวนหาข้อเท็จจริง จนได้ความว่า พระเงิน เคยเป็นตำรวจบ้านมาก่อนที่จะมาบวช จนได้เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าศรีศรัทธาธรรม
โดยพระเงินมีชื่อเสียงใน เรื่องการสักยันต์ คงกระพันชาตรี ทำให้หนุ่มๆ ในหมู่บ้านต่างพากันมาให้พระเงินสักให้ โดยเจ้าอาวาสคิดค่าสักเป็นการทำอนาจารกันภายในกุฏิ ทำให้มีเด็กวัยรุ่นจำนวนมากชอบ มามั่วสุมอยู่ในกุฏิ
"ปืนลูกซอง ในกุฏิเป็นของพ่ออาตมา ส่วนปืนกระบอกอื่นๆ ก็มีคนนำมาขายเลยซื้อไว้ กระบอกละ 6-8 พันบาท ส่วน ซีดีโป๊ ก็มีคนเอามาขายแผ่นละ 100 บาท จึงซื้อไว้ดูกับลูกศิษย์ในกุฏิ" พระเงินกล่าว
เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไป สึกที่วัดโพธิสมภรณ์ สำนักงาน เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี พระอารามหลวงฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ก่อนดำเนินคดีในข้อหาทั้งมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน มีวีซีดี สื่อลามก ไว้ในครอบครอง
สำหรับคดีอนาจาร เตรียมดำเนินคดีหลังจากที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ
ส่วน อีกรายเกิดเหตุขึ้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 2 ก.ค. เมื่อ พ.ต.ต.ธีระภัทร ปิยะถาวร สว.ป้องกันปราบปราม สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นห้องพักเลขที่ 207 กรีนฟอเรสต์รีสอร์ต ในซอย 27 ถนนเพชรเกษม เขตเทศบาลนครหาดใหญ่
เมื่อเข้าตรวจค้นถึงกับผงะ เมื่อเจอพระสงฆ์นอนเปลือยกายกกอยู่กับหญิงสาว บนเตียงมีจีวร สบง และเสื้อผ้าของหญิงสาววางกองอยู่ระเกะระกะ
จึงให้ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วนำไปส่งที่วัดหงส์ประดิษฐาราม มอบให้พระครูวรคณานุกูล เจ้าคณะอำเภอหาดใหญ่ สอบสวนข้อเท็จจริง
สอบ ถามเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นพระภิกษุสงฆ์จริง และเป็นถึงระดับพระครู ชื่อ พระครูนิคมวรธรรม เจ้าอาวาสวัดควนธรรมนิคม ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ส่วนฝ่ายหญิงชื่อ น.ส. ปัณฑิตา พรมเสริญ อายุ 39 ปี ชาวต.คลองหลัง อ.นาหม่อม จ.สงขลา
"ยอมรับว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้ สาวกับน.ส.ปัณฑิตาจริง ซึ่งรู้จักกันมานานแล้ว พอได้โอกาสก็ให้ลูกศิษย์ไปเปิดห้องพักของรีสอร์ตไว้ 2 ห้อง สำหรับอาตมาห้องหนึ่ง ลูกศิษย์อีกห้องหนึ่ง แล้วนัดแนะให้น.ส.ปัณฑิตามาหา" พระครูนิคมวรธรรมกล่าว
หลังจากรับสารภาพจึงนำตัวจับสึกให้ขาดจากความเป็นพระ ไม่ให้พระพุทธศาสนาต้องมัวหมอง
แม้เรื่องเสื่อมเสียพวกนี้เกิดจากพระภิกษุที่บวชเรียนในศาสนาพุทธ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าศาสนาพุทธ จะต้องแปดเปื้อนไปเพราะพฤติกรรมของคนพวกนี้ไปด้วยทั้งหมด
หากยังคำนึงถึงพุทธโอวาท คำสั่งสอนที่พระพุทธองค์มีไว้ และหมั่นศึกษาให้ท่องแท้แล้ว
ศาสนาพุทธก็ยังดำรงอยู่อย่างไม่เสื่อมคลายแน่นอน
----------------------------------------------------
ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก อ้าง ไม่เคยใช้คำว่ามหาวิทยาลัย
-http://education.kapook.com/view66030.html-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส
ดีเอสไอเรียกตัว นายเรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์ สอบปากคำกรณี มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกในประเทศไทย ขณะเจ้าตัวอ้าง แยกตัวมาตั้ง ม.สันติภาพโลก 2 เองแล้ว ยันไม่เคยใช้คำว่ามหาวิทยาลัย ด้าน กกอ. แนะคนนำปริญญาไปใช้รีบแก้ไข หากตรวจสอบพบย้อนหลังจะมีความผิด
วานนี้ (5 กรกฎาคม 2556) ดีเอสไอเรียกตัว นายเรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์ ในนามผู้ร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกในประเทศไทย กับ นายสวัสดิ์ บันเทิงสุข โดยมี พ.ต.ท.ศักกพล สุขปาน หัวหน้าสำนักสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก และการดำเนินกิจการของมหาวิทยาลัย เป็นผู้สอบปากคำ
โดย พ.ต.ท.ศักกพล เผยว่า นายเรวัตร์ ได้ขอพบพนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงและยืนยันว่า ได้พ้นวาระการเป็นนายกสภาและแยกตัวออกจากการดำเนินกิจการของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกที่มี นายสวัสดิ์ เป็นอธิการบดี ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556 แล้ว หลังจากที่พบว่า นายสวัสดิ์ ได้ปรับเปลี่ยนใบประกาศวุฒิการศึกษา (ป.เอก) จากภาษาอังกฤษที่ตามแบบมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกในปากีสถานมาเป็นภาษาไทย และ นายเรวัตร์ จึงได้ไปตั้ง ม.สันติภาพโลก สาขา 2 กับ นายศุภณัฐ ดอนจันทร์ เอง
และ พ.ต.ท.ศักกพล ยังได้กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนจะต้องสอบปากคำผู้ร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกทั้งหมด โดยบ่ายวันนี้ (6 กรกฎาคม) จะเรียก นางประภาจิตร์ สว่างวัฒนา นายทะเบียนที่อ้างว่าเป็นผู้แทนประสานงานกับ มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกที่ปากีสถานมาให้ข้อมูลด้วย โดยมีประเด็นความผิดที่จะสอบสวน 3 ข้อหา คือ
1.การตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนผิดกฎหมาย
2.ฉ้อโกงประชาชน
3. ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในการลงข้อความโฆษณาให้ประชาชนหลงเชื่อว่า มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก มีศักดิ์และสิทธิเทียบเท่ามหาวิทยาลัยเอกชน รวมถึงมีการเก็บเงินในการมอบปริญญาฯ และการสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการมอบใบประกาศวุฒิการศึกษา (ป.เอก) ให้ผู้มีชื่อเสียง
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะที่ นายเรวัตร์ ได้ออกมาแย้งว่าที่ผ่านมาตนไม่เคยใช้คำว่า “มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก” แต่ใช่คำว่า “World Peace University: WPU” ส่วนที่ระบุว่ามีการใช้เงินซื้อใบปริญญาฯ ได้นั้น ไม่เป็นความจริง แต่เพียงเป็นการรับบริจาค ซึ่งเป็นระบบที่มหาวิทยาลัยในระบบ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ก็รับบริจาคเพื่อมอบปริญญาฯ เหมือนกัน พร้อมยืนยันในเจตนารมณ์ การตั้ง WPU เพื่อเป็นมหาวิทยาลัยมอบรางวัลให้กับคนที่ทำความดี หรือผู้นำชาวบ้าน ส่วนการจดทะเบียนเป็นโรงเรียนอนุบาลนั้น เป็นการดำเนินงานของ นายสวัสดิ์ และยังต้อข้อสังเกตว่า หาก WPU มอบเสื้อครุย ทางโรงเรียนอนุบาลก็มีการมอบครุยให้กับเด็กอนุบาลเช่นกัน แล้วทำไมไม่มีความผิด
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ชี้แจงว่า การที่ มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ระบุว่าไม่เคยใช้ชื่อมหาวิทยาลัย ใช้แต่ University แทนนั้น เป็นการเลี่ยงบาลี ทั้งที่ครั้งแรกก็ใช้มหาวิทยาลัย และทำให้ผู้รับปริญญาเข้าใจว่าถูกต้อง ดังนั้น ผู้รับปริญญาสามารถไปเรียกร้องค่าใช้จ่ายคืนได้ และใครที่นำปริญญานี้ไปใช้ในส่วนราชการแล้วก็ให้รีบไปแก้ไขกับหน่วยราชการเสีย ไม่เช่นนั้นหากตรวจสอบย้อนหลังพบจะมีความผิดได้
และสำหรับบุคคลในวงการที่ถูกชักชวนหรือแนะนำให้ได้รับปริญญา ทั้งที่เสียเงินหรือไม่เสียเงินนั้น ปัญหาที่ต้องดำเนินการขณะนี้คือใครที่อยู่ในกระบวนการต้องรับผิดชอบ ถ้ามหาวิทยาลัยสันติภาพโลกมอบเกียรติบัตรให้เป็นการยกย่อง ไม่ได้มอบปริญญาบัตรก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เนื่องจากการมอบปริญญาต้องผ่านความเห็นชอบจาก สกอ.ทั้งสิ้น ส่วนการมอบ ศาสตราจารย์พิเศษ ศาสตราจารย์กิตติคุณ หรือศาสตราจารย์ภิธาน ใช้ได้เฉพาะในมหาวิทยาลัยที่แต่งตั้งให้เท่านั้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.mcot.net/site/content?id=51d684c9150ba08405000117#.Udi-aG0h-AJ-
-http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/education/20130705/515501/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A1.%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%84%E0%B8%AD.html-
---------------------------------------------------------------------------
ม.สันติภาพรับแล้ว-ตุ๋นแจก'ปริญญา-ดร.'
-http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOREEzTURjMU5nPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE15MHdOeTB3Tnc9PQ==-
ดีเอสไอ ลุยสอบ! 1,200คน จ่อหมาย 'อธิการ'
ม.สันติภาพโลกรับแล้ว มอบปริญญาอุปโลกน์-หวังตุ๋นหลอกลวงดีเอสไอเตรียมกันเป็นพยาน ส่งจนท.คุ้มกันเข้ม เล็งเรียกผู้เกี่ยวข้องสอบกราวรูด 1,200 คนเริ่มสัปดาห์หน้า เน้นคนมีชื่อเสียงก่อน แถมเช็กเส้นทางการเงินซ้ำ แล้วบินขึ้นเชียงใหม่สอบพยานอีก 10 ปาก ก่อนเล็งออกหมายจับอธิการบดี ชี้ชัดลูกศิษย์เณรคำนำปริญญาไปสมัครผู้ว่าฯกทม.ส่อผิดกฎหมาย โดนข้อหายื่นเอกสารเท็จ 'ฟอร์ด' สบชัย-'เปี๊ยก' อรัญญา ปัดไม่รู้เรื่องว่าไม่ถูกต้อง
จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ตรวจสอบการจัดตั้งม.สันติภาพโลก เนื่องจากก่อตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่สำคัญมีพฤติกรรมเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน พระสงฆ์และดารานักแสดงหลายราย เพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ในการเข้ารับปริญญาและตำแหน่งทางวิชาการ ก่อนดีเอสไอเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวน ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 6 ก.ค. พ.ต.ท. ศักกพล สุขปาน หัวหน้าสำนักสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย ดีเอสไอ กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง 3 รายเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย นายเรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์ ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งม.สันติภาพโลกในประเทศไทย นางประไพจิตร สว่างเนตร นายทะเบียน ที่อ้างเป็นผู้แทนประสานงาน กับม.สันติภาพโลกที่ประเทศปากีสถาน และนายสมัย เหมันต์ ผู้ดูแลระบบเทคโนโลยี ทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยยอมรับว่าการมอบปริญญาเป็นการอุปโลกน์ขึ้น และไม่ได้ระบุให้ผู้รับทราบว่าปริญญา ดังกล่าวไม่สามารถนำไปรับรองวุฒิการศึกษาเพิ่มขึ้นได้ ทำให้เกิดปัญหาว่าบางรายนำใบปริญญาไปขอปรับวุฒิการศึกษาหรืออ้างลงสมัครรับเลือกตั้งต่างๆ ซึ่งในส่วนของนายสมัยขอแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเบื้องหลัง ที่มาที่ไปของการจัดตั้งม.สันติภาพโลกกับการขอให้กันไว้เป็นพยาน ซึ่งดีเอสไอได้ประสานให้สำนักคุ้มครองพยานเข้ามาดูแลความปลอดภัยแล้ว
พ.ต.ท.ศักกพลกล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้าจะทยอยเรียกบุคคลที่ได้รับใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยดังกล่าวเข้ามาให้ปากคำ เบื้องต้นทราบว่ามีจำนวนกว่า 1,200 คน โดยจะเรียกกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงก่อน จากนั้นในวันที่ 15 ก.ค. จะนำพนักงานสอบสวนลงพื้นที่จ.เชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อสอบปากคำพยานอีกกว่า 10 ปาก เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ขณะเดียวกันจะเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับนายสวัสดิ์ บรรเทิงสุข อธิการบดีม.สันติภาพโลก ซึ่งถือเป็นตัวการใหญ่ในการจัดตั้งและดำเนินการ โดยล่าสุดยังไม่ติดต่อเข้าพบพนักงานสอบสวน ส่วนนายสุขุม วงษ์ประสิทธิ์ ลูกศิษย์ของหลวงปู่เณรคำ ที่อ้างได้รับปริญญาจากมหา วิทยาลัยดังกล่าว และนำไปอ้างใช้ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.นั้น ได้ประสานข้อมูลกับกกต.แล้ว พบว่านำไปใช้อ้างจริง จึงเตรียมแจ้งความดำเนินคดีฐานใช้เอกสารปลอมลงสมัครลงเลือกตั้ง
พ.ต.ท.ศักกพลกล่าวอีกว่า ม.สันติภาพโลกก่อตั้งขึ้น 3 สาขา โดยสาขาที่ 3 อยู่ระหว่างดำเนินการขอจัดตั้ง ส่วนสาขา 2 ตั้งอยู่ที่จ.ขอนแก่น โดยมีนายเรวัตร์เป็นผู้จัดตั้ง พนักงานสอบสวนพบว่ามีการเปิดเป็นมูลนิธิศรัทธา ด้วยการอ้างว่าเป็นมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือสังคมและผู้ยากไร้ ดังนั้นดีเอสไอจะเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินเกี่ยวกับการรับบริจาคทั้งหมดว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาคดีด้วย
ด้านนายสวัสดิ์ บรรเทิงสุข เปิดเผยว่า พร้อมเข้าให้ถ้อยคำกับดีเอสไอ และพร้อมใช้ความจริงเข้าสู้ ด้วยการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทุกอย่าง ซึ่งตอนนี้ม.สันติภาพโลกมีทั้งสิ้น 3 สาขา โดยเจ้าหน้าที่ควรตรวจสอบให้ครบทั้งหมด รวมถึงผู้เกี่ยวข้องด้วย ส่วนที่มีการ กล่าวหาว่าไปหลอกลวหรือฉ้อโกง ก็ต้องไปต่อสู้ชั้นศาล อีกทั้งที่ผ่านมาเคยแจกปริญญาทั้งพระและชาวเขาที่มีความรู้เรื่องสันติภาพด้วย โดยเก็บค่าใช้จ่ายเฉพาะใช้ซื้อเสื้อครุยและ ใบประกาศ ซึ่งในส่วนของพระและชาวเขาเหมารวม 7,000 บาท จากบุคคลทั่วไปอยู่ที่ 15,000 บาท
วันเดียวกัน นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขา ธิการกกอ. กล่าวว่า สกอ.ดำเนินการตรวจสอบม.สันติภาพโลกตามข้อมูลในเว็บไซต์ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาแล้ว หลังรับแจ้งมีการจ่ายเงินประมาณ 50,000-300,000 บาท เพื่อแลกกับการเข้ารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ซึ่งพบว่ามีภาพบุคคลที่มีชื่อเสียงจากหลายวงการเข้ารับปริญญาจากมหาวิทยา ลัยดังกล่าว โดยขณะนี้ดีเอสไอได้สอบปากคำ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ในส่วนของสกอ.ทำได้เพียงรอเท่านั้น
นพ.กำจรกล่าวต่อว่า สำหรับผู้เข้ารับปริญญาดังกล่าวถือว่าไม่มีศักดิ์และสิทธิ์ แห่งปริญญา ไม่สามารถนำไปใช้สมัครเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย หรือสอบเข้ารับราชการได้ ดังนั้นขอให้ผู้เสียหายกว่า 1,000 ราย ไปแจ้งหน่วยงานต้นสังกัดว่าเกิดการหลงผิดและไม่ทราบข้อเท็จจริง โดยขอให้แก้ไขวุฒิการศึกษาให้ถูกต้อง เพราะหากต้นสังกัดตรวจสอบพบภายหลังสามารลงโทษทางวินัยได้ รวมทั้งอาจเข้าแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีได้เช่นกัน ขณะเดียวกัน สกอ. จะเข้าไปให้คำปรึกษาและคำแนะนำกับผู้เสียหายด้วย ทั้งนี้ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อการนำชื่อของมหาวิทยาลัยไปโฆษณาแล้วให้จ่ายเงิน เพื่อให้ได้ปริญญามา เพราะถือเป็นการฉ้อโกงประชาชน
ด้านนายวีระ ยี่แพร ผอ.กต.กทม. กล่าวถึงกรณีนายสุขุม วงษ์ประสิทธิ์ ผู้สมัครหมายเลข 19 สังกัดพรรคยางพาราไท นำใบปริญญาของ ม.สันติภาพโลกมาสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่าในเรื่องนี้นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ในฐานะผอ.กกต.ทถ.กทม. เป็นผู้รับสมัครและตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนส่งมายังกกต.กทม. เพื่อส่งต่อให้กกต. ประกาศรายชื่อผู้สมัครที่มีสิทธิรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม. ซึ่งขณะนี้ชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอแล้ว พร้อมทั้งมอบหลักฐานการสมัครของนายสุขุมให้ตรวจสอบด้วย อย่างไรก็ตามถึงไม่มีผู้ร้องในกรณีนี้ แต่ตรวจสอบพบเป็นความผิดจริง ดีเอสไอสามารถดำเนินคดีอาญาต่อนางนินนาท ในข้อหาให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานการเลือกตั้งได้
ขณะที่นางนินนาทกล่าวว่า ขอตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้งในวันที่ 8 ก.ค.นี้ โดยจะตรวจสอบว่าม.สันติภาพโลกได้รับอนุญาตจากสกอ.หรือไม่ ซึ่งขณะตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร ก็ไม่มีหน่วยงานใดประกาศว่าม.สันติภาพโลก ไม่ได้รับอนุญาตจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัย ขณะเดียวกันเมื่อตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร สำนักปกครองและทะเบียน กทม. ยังเชิญผู้มีความรู้จากกระทรวงศึกษาธิการมาช่วยตรวจสอบวุฒิการศึกษาด้วย รวมทั้งผู้สมัครก็ได้รับรองว่าเอกสารและหลักฐานต่างๆ ที่นำมาสมัครถูกต้องทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีกฎหมายข้อหนึ่งระบุว่าถ้า ผู้สมัครรู้อยู่แล้วว่าเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติและไม่มีสิทธิเข้ารับสมัคร แต่ยังมาสมัครก็ถือว่าผิด ซึ่งหากดำเนินคดีอาญากับตน ก็จะแจ้งความเอาผิดกับนายสุขุมเช่นกัน
สำหรับดารานักแสดงและบุคคลที่มี ชื่อเสียงที่เคยรับปริญญากิตติมศักดิ์จาก ม.สันติภาพโลก โดย 'ฟอร์ด' สบชัย ไกรยูรเสน นักร้องหนุ่มเผยว่า เคยเข้ารับปริญญาเมื่อจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมหาวิทยาลัยโทรศัพท์มาแจ้งว่า จะมอบปริญญาบัตรให้ในสาขาเพอร์ฟอร์แมนซ์อาร์ต โดยกำหนดวันและเวลาไปรับ ซึ่งตอนแรกก็งงอยู่ว่ามอบให้เพราะอะไร ก่อนได้รับคำตอบว่าเป็นผู้สร้างผลงานเป็นคุณประโยชน์ และเป็นครูถ่ายทอดงานทางดนตรี จึงเห็นว่าเมื่อให้เกียรติมาก็ไม่อยากปฏิเสธ เลยไปรับในย่านลาดพร้าว โดยเป็นห้องประชุมเหมือนอยู่ในบริษัท ซึ่งมีผู้มารับปปริญญาประมาณ 150 คน
"เรื่องนี้ผมไม่รู้มาก่อนจริงๆ ว่าเป็นอย่างไง คิดแต่เพียงว่าเขามอบให้เราก็ไปรับ ไม่ได้ตรวจสอบ พอมาเจอแบบนี้เข้าเลยไม่รู้จะทำอย่างไง ส่วนเรื่องว่าถ้าดีเอสไอเรียกเข้าไปให้ข้อมูล ผมก็คงจะมีให้เท่านี้ เพราะไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้" นักร้องหนุ่มกล่าว
ด้านนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง 'เปี๊ยก' อรัญญา นามวงศ์ ซึ่งเป็นหนึ่งที่เข้ารับปริญญา กล่าวว่า ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะไปรับ ไม่ได้เห่อกับรางวัลแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาจะทำงานเพื่อสังคมอะไรต่างๆ มากมาย แต่ไม่ได้คิดว่าจะต้องทำเพื่อให้คนมาให้อะไร อีกอย่างยังไปไหนมาไหนไม่สะดวกนัก จึงไม่อยากจะไปไหน แต่มีคนที่ได้รับด้วยกันชวนไปและมีคนมาช่วยพาไปเลยไปรับ ตอนที่ไปรับปริญญายังคุยกันเล่นๆ อยู่เลยว่าคงไม่เป็นอย่างข่าวที่เขาเคยออกเมื่อหลายปีว่า มาหลอกให้ปริญญาบัตรกัน หลังจากที่รับเสร็จก็กลับบ้าน วันนั้นสามีและลูกก็ไม่ได้ไปด้วย เพราะติดงาน เลยไปรับแค่เพื่อนกับน้องๆ 2-3 คน จนมาเห็นข่าวที่เกิดขึ้น
"ถ้าหากดีเอสไอเรียกไปสอบสวน ก็คงจะไม่ไป ขอให้ไปเรียกคนอื่นเถอะ เพราะเดินทางไม่สะดวก ต้องมีคนช่วยพยุง ยืนนานก็ไม่ได้ วันนั้นอีกอย่างที่เราต้องไปรับก็เพราะคิดว่าถ้าไม่ไปก็เหมือนไม่ให้เกียรติกับงาน เพราะเขาอุตส่าห์เชิญมา ก็ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้" อรัญญากล่าว
.