ผู้เขียน หัวข้อ: รวม เตือนภัย "ปัญหาพระภิกษุ" เอ๊ย ไม่ใช่ ต้องเป็น "พระภิกษุที่มีปัญหา"  (อ่าน 33965 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
แชร์สนั่นเน็ต! เณรตุ๊ดรำพึงรักอยากถูกเปิดซิง
-http://www.youtube.com/watch?v=PKfbTRTjP5c-

แชร์สนั่นเน็ต! เณรตุ๊ดรำพึงรักอยากถูกเปิดซิง

แชร์สนั่นเน็ต! เณรตุ๊ดรำพึงรักอยากถูกเปิดซิง
-http://www.youtube.com/watch?v=PKfbTRTjP5c-

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ด้านล่างนี่  ไม่สงสารพ่อกับแม่บ้างเลยหรือไง พ่อแม่ไม่อบรมกันบ้างเลย ทางวัดและอุปัชฌาย์ ไม่ได้อบรมสั่งสอนหรือไง  ทำไมถึงทำแบบนี้


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ฉาว ! ภาพพระตุ๊ดอมนกเขา โผล่แชร์ว่อนเน็ต คนวิจารณ์ยับ
-http://fb.kapook.com/hilight-89027.html-




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก FuckGhost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย

            ภาพพระตุ๊ดอมนกเขา ระบาดในโลกไซเบอร์ เผย เป็นเณรในวัดดังของเชียงใหม่ ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ พฤติกรรมไม่เหมาะ ทำศาสนาเสื่อมเสียอีกแล้ว

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2556 ได้มีภาพสุดสยิวถูกแชร์ต่อกันในโลกไซเบอร์อีกครั้ง โดยครั้งนี้มาจากเฟซบุ๊ก FuckGhost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย ที่ได้โพสต์ภาพของเณรรูปหนึ่งซึ่งมีลักษณะตุ้งติ้งคล้ายเพศหญิงสวมชุดชั้นใน และยกทรงโชว์เนินอกถ่ายรูป แต่ที่ฮือฮาที่สุดก็คือ ภาพของเณรคนดังกล่าวที่ห่มจีวรก้มลงดูดอวัยวะเพศชายอย่างไม่อายใคร

            ทั้งนี้ ในโลกไซเบอร์ได้ระบุไว้ด้วยว่า เณรในภาพนี้ชื่อ น้องเบ้น เป็นพระตุ๊ดของวัดดังในจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับเรียกร้องให้เณรคนดังกล่าวสึกจากความเป็นเณร เพื่อที่พระพุทธศาสนาจะได้ไม่แปดเปื้อน ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้ชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก โดยมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สร้างความเสื่อมเสียให้วงการผ้าเหลืองอีกครั้งหนึ่งแล้ว





คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
พระถูกฆ่าเฉือนอัณฑะ ค้นกุฏิพบเจ้าสำนักสงฆ์เสพยา

-http://news.sanook.com/1199475/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%86%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B8%B0-%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2/-




เจ้าหน้าที่ค้นกุฏิ หลังพระสำนักสงฆ์พรหมศักดิ์สิทธิ์ ขอนแก่น ถูกฆ่าปาดคอ เฉือนอัณฑะ พบเจ้าสำนักเสพยาบ้า จับสึกทันควัน 

พระสงฆ์ถูกฆ่าเสียชีวิต ที่เกิดเหตุที่สำนักสงฆ์พรหมศักดิ์สิทธิ์ (วัดป่าพรหมนิมิตร) ต.น้ำอ้อม อ.กระนวน บริเวณโรงครัว พบศพ พระอุบล อุปโล อายุ 33 ปี พระลูกวัด สภาพศพสวมสบง รัดด้วยประคด นอนหงายมรณภาพจมกองเลือดส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่ว มีบาดแผลถูกฟันจนคอหวิดขาดโดยมีมีดปังตอปักคาลำคอ และลูกอัณฑะยังถูกเฉือนไปเกือบหมด นอกจากนี้ยังพบส้อมปลายงอมีเลือดติดอยู่ และลูกปัดกระจายเกลื่อนพื้นนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด (26 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นทุกห้องพบอุปกรณ์เสพยาภายในกุฏิพระบุญฐากร วิมล พรือ พระอาจารย์เปิ่ม อายุ 69 ปี เจ้าสำนักสงฆ์ จึงคุมตัวไปสอบสวนก็พบว่าปัสสาวะเป็นสีม่วง โดยพระบุญฐากร รับสารภาพว่าเสพมานานแล้ววันละ 2 เม็ด โดยยาบ้าาและอุปกรณ์ลูกศิษย์เป็นคนนำมาให้ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปสึก ก่อนส่งไปดำเนินคดี

ทั้งนี้ ได้มีการพิมพ์ลายนิ้วมือ ทำประวัติพระ และเณรที่อยู่ในวัดทั้งหมด ขณะที่ได้มีการตัดประเด็นความแค้นส่วนตัว โดยมุ่งไปที่การทำคุณไสย เพราะคนร้ายมีการเฉือนอัณฑะของผู้ตายไป

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
รวบอดีตพระตัณหากลับ ข่มขืนเด็ก 14 ปี คากุฏิกว่า 2 ปี
-http://hilight.kapook.com/view/89146-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          อดีตพระข่มขืนเด็กอายุ 14 ปี นานกว่า 2 ปี ก่อนหนีความผิดไปที่พะเยา จนตำรวจตามไปจับกุมตัวได้ในที่สุด

          เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2556 นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ ผกก.สน.บางเขน ได้แถลงข่าวการจับกุม นายสนั่น คำสีแดง หรืออดีตพระมหาสนั่น อติภัทโท อายุ 64 พระลูกวัดบางบัว ที่ วัดทุ่งรวงทอง หมู่บ้านทุ่งรวงทอง จ.พะเยา

          ทั้งนี้ เมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา เด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้ถูก อดีตพระมหาสนั่น ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก พาไปนั่งดูโทรทัศน์ภายในกุฏิ และเมื่อสบโอกาส อดีตพระมหาสนั่นก็ข่มขืน พร้อมให้เงิน 80 บาท และขู่ว่าจะทำร้ายหากนำเรื่องไปฟ้องพ่อแม่ ทำให้เด็กหญิงเอ เก็บความลับเอาไว้ตลอด จนกระทั่งวันที่ 28 พฤษภาคม อดีตพระมหาสนั่น ได้โทรศัพท์ให้เด็กหญิงเอ มารับอาหารและขนมที่กุฏิ แต่ครั้งนี้ เด็กหญิงเอได้ชวนเพื่อนไปด้วย และพระมหาสนั่น ได้ให้เด็กหญิงเอไปซื้อสุราและน้ำแข็งหน้าวัดบางบัวทอง ปล่อยเพื่อน 2 คนไว้กับอดีตพระมหาสนั่น

          หลังจากที่กลับมา เด็กหญิงเอ ได้ยินเพื่อนทั้งสองคนโวยวาย และหนีออกไปจากกุฏิ จึงรีบนำสุราและน้ำแข็งไปเก็บ แล้วเด็กหญิงเอก็ถูกพระมหาสนั่นลงมือข่มขืนอีกครั้ง พร้อมกับให้เงิน 100 บาทไปซื้อยาคุมกำเนิด เนื่องจากอดีตพระมหาสนั่นไม่ได้สวมถุงยางอนามัย หลังจากที่เกิดเหตุ อดีตพระมหาสนั่นได้หลบหนีไปจังหวัดพะเยา ภายหลังมาถูกตำรวจจับ และถูกนำตัวไปลาสิกขาบทต่อหน้าพระราชวิริยาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดพะเยา

          ทั้งนี้ นางปวีณา หงส์สกุล กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากนางฟ้า (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี มารดาของเด็กหญิงเอ เนื่องจากนางฟ้า ให้การว่า ลูกสาวถูกข่มขืนมากว่า 2 ปีแล้ว จึงได้ประสานตำรวจเข้าจับกุม เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะข่มขู่และกลับไปทำร้ายผู้เสียหาย และทางมูลนิธิก็จะนำเด็กไปฟื้นฟูจิตใจต่อไป

          ด้านอดีตพระมหาสนั่น เผยว่า ตนเองได้ทำเรื่องดังกล่าวจริง เนื่องจากดื่มสุราจนมึนเมา และเด็กสาวก็เข้ามากอดและหอมแก้มจนเกิดอารมณ์ พร้อมกับฝากเตือนพระสงฆ์รูปอื่น ๆ ว่า ไม่ควรอยู่ตามลำพังกับเด็ก เพราะอาจจะเกิดอารมณ์จนขาดสติ

          ด้านตำรวจ ได้แจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และคดีพรากผู้เยาว์ พร้อมกับนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน เพื่อดำเนินคดีต่อไป


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.dailynews.co.th/crime/222178-

-http://www.mcot.net/site/content?id=51f4a6c8150ba0f552000168#.UfUE8W0h-AK-


รูปและคลิปการจำกุม ดูได้จากเดลินิวส์และสำนักข่าวไทยครับ

.

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ลือ ! สมีคำ ลาสิกขาแล้ว เตรียมขอสัญชาติอยู่อเมริกา
-http://hilight.kapook.com/view/89149-


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก luangpunenkham.com

             ลือสะพัด ! สมีคำ ลาสิกขาแล้ว เตรียมขอสัญชาติอยู่อเมริกา กลัวความวุ่นวาย ด้านพระลูกศิษย์ สมีคำ โต้ข่าวลือไม่จริง

             เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีข่าวลือสะพัดว่า อดีตพระวิรพล ฉัตติโก หรือ หลวงปู่เณรคำ ประธานที่พักสงฆ์ป่าขันติธรรม บ.ยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ลาสิกขาแล้ว เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม และกำลังยื่นขอเป็นพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยไม่กลับประเทศไทยอีก เนื่องจากกลัวความวุ่นวาย

             อย่างไรก็ตาม ทางด้าน พระวิโรจน์ อิรินทโม หรือ พระปีโป้ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 พระลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า อาตมาจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมตลอดเวลา และไม่พบเห็นมีข่าวลือดังกล่าวเกิดขึ้น พระลูกวัดที่ปัจจุบันจำพรรษาอยู่ด้วยกันทั้งหมด รวม 5 รูป คือ พระครูธรรมธรคำไข โสภาจาโร ประธานสงฆ์ที่พักสงฆ์ขันติธรรม, ตัวอาตมาเอง, พระแหลม, หลวงพ่อยศ และ พระบวชใหม่อีก 1 รูป ก็อยู่กันเป็นปกติ ไม่ได้มีความสับสนวุ่นวายเกี่ยวกับข่าวลือการลาสิกขาของหลวงปู่เณรคำแต่อย่างใด

             ขณะที่ทางด้าน พระครูธรรมธรคำไข กล่าวว่า อาตมาได้เสนอต่อพระทุกรูปว่าให้อยู่ด้วยกันที่พักสงฆ์ป่าขันติธรรมนี้ไปก่อนในช่วงเข้าพรรษา เพราะเมื่อเรื่องราวต่าง ๆ จบอาตมาก็จะกลับวัดที่ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ และเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษก็คงจะพิจารณาให้พระรูปใดรูปหนึ่งขึ้นมาดูแลที่พักสงฆ์แห่งนี้เพื่อจะได้เสนอจัดตั้งให้เป็นวัดต่อไป


มีข่าว เณรคำ สึก ขอสัญชาติอเมริกัน ไม่กลับไทย
คลิป ลือ ! สมีคำ ลาสิกขาแล้ว เตรียมขอสัญชาติอยู่อเมริกา โพสต์โดยคุณ DuangAestheticII
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=lfigvWrOiVA-


ลือสะพัด! 'สมีคำ' สึก 3 วันขอเป็นพลเมืองอเมริกัน
คลิป ลือสะพัด! 'สมีคำ' สึก 3 วันขอเป็นพลเมืองอเมริกัน : เครดิตรายการเรื่องเล่าเช้านี้
-http://www.youtube.com/watch?v=8KH7WNjL5V0-
โพสต์โดย คุณ Lakornhd Thaitv สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม


.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
น้ำลายก้นซิการ์มัด “สมีคำ” เสพเมถุนสีกาจนได้ลูก
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม    22 สิงหาคม 2556 17:32 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000104907-


(แฟ้มภาพ)หญิงที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเณรคำ จนตั้งท้องให้กำเนิดลูกชายเณรคำ (ปัจจุบัน อายุ 11 ปี)

ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แถลงผลตรวจดีเอ็นเอเด็กชายวัย 11 ปี ของหญิงที่อ้างมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ “สมีคำ” จนมีลูกด้วยกัน ชี้ผลตรวจยืนยันชัดเป็นลูกชาย “สมีฉาว”
       
       ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (22 ส.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ พท.นพ.เอนก ยมจินดา ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ดีเอสไอ ร่วมแถลงข่าวผลการตรวจสอบดีเอ็นเอที่อ้างว่าตรวจจากซิการ์ของนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระเณรคำ โดยดีเอสไอยืนยันว่าผลการตรวจดีเอ็นเอจากซิการ์มีดีเอ็นเอตรงกับ ด.ช.อายุ 11 ปี ที่ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ระบุว่าเป็นบุตรที่เกิดจากอดีตพระเณรคำ จึงสรุปว่าอดีตพระเณรคำ เป็นพ่อของเด็กชายคนดังกล่าว
       
       นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอได้วัตถุพยานสำคัญเป็นก้นซิการ์ที่ผ่านการดูดจากอดีตพระเณรคำ ซึ่งพยานได้ชิ้นส่วนซิการ์มาจากอดีตพระเณรคำเพื่อมอบให้บูชาเป็นสิ่งศักสิทธ์แม้ไม่ได้มอบจากมืออดีตพระเณรคำโดยตรง แต่อดีตพระเณรคำมอบให้ลูกศิษย์ส่งให้พยานคนดังกล่าว โดยวิสัยของการสูบซิการ์ใช้แล้วไม่มีใครดูดซ้ำ สำหรับหลักฐานซิการ์ที่ได้นี้มีน้ำลายจำนวนมากจึงเพียงพอในการตรวจดีเอ็นเอ ส่วนพยานเมื่อรับมอบซิการ์ก็เก็บใส่ถุงไว้บูชาอย่างดีกระทั่งทราบข่าวจึงนำวัตถุพยานมามอบให้ดีเอสไอ
       
       พท.นพ.เอนก ยมจินดา ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า วัตถุพยานที่ได้ในส่วนของจีวร ตรวจแล้วไม่น่าจะสัมผัสโดยตรงกับผิวกายจึงตรวจดีเอ็นเอไม่ได้ ส่วนพระเครื่องรุ่นเนื้อชานหมากบรรจุเส้นผมพบเส้นผมขนาดสั้นมากและไม่ใช่รากผมจึงไม่มีเซลไม่สามารถตรวจดีเอ็นเอได้ ส่วนก้นซิการ์เป็นเศษบุหรี่ซิกาไทยเต็มไปด้วยเนื้อเยื้อกระพุงแก้มที่ติดมากับน้ำลายจำนวนมาก เมื่อนำก้นซิการ์ดังกล่าวมาตรวจพิสูจน์ โดยขั้นตอนเริ่มจากตรวจดีเอ็นเอของ น.ส.เอ และ เด็กชายวัย 11 ปี พบเป็นแม่ลูกกันจริง จึงต้องตรวจต่อว่าใครเป็นพ่อ โดยการหลักการของการตรวจดีเอ็นเอพ่อแม่ลูกมีอยู่ว่าลูกจะรับดีเอ็นเอจากพ่อแม่ลูกอย่างละครึ่ง หรือพ่อแม่จะส่งดีเอ็นเอคนละครึ่งไปสู่เด็ก โดยการตรวจพบว่าดีเอ็นของเด็กชายคนดังกล่าวครึ่งหนึ่งตรงกับดีเอ็นเอที่พบในซิกกาของอดีตหลวงปู่เณรคำ 16 จุด จึงสรุปว่า อดีตพระเณรคำ กับ น.ส.เอ และเด็กชายวัย 11 ขวบ มีความสัมพันธุ์เป็นพ่อแม่ลูกกัน มีความน่าเชื่อถือเป็นไปได้ 99.99999 เปอร์เซ็น ทั้งนี้ ทุกคนไม่โลกจะมีดีเอ็นเอไม่เหมือนกันยกเว้นจะเป็นฝาแฝดที่มีไข่ใบเดียวกัน

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ทนายโต้ผลตรวจซิการ์ ใช้มัดดีเอ็นเอสมีคำไม่ได้
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม    22 สิงหาคม 2556 21:20 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000105177-

"ทนายสุกิจ" ชี้คดี"สมีคำ"กระทำชำเราขาดอายุความแล้ว มั่นใจหากได้ว่าความโอกาสชนะคดีสูง โต้ผลดีเอ็นเอจากซิกการ์ยังไม่เคลียร์ ลั่นอดีตพระเณรคำไม่สูบบุหรี่ เผยหากวันหนึ่งสมีคำมามอบตัวแล้วถุยน้ำลายให้และนำไปตรวจสอบดีเอ็นเอและผลออกมาไม่ใช่ใครจะรับผิดชอบ
       
       วันนี้ (22ส.ค.) นายสุกิจ พูนศรีเกษม ผู้ประสานงานอดีตพระเณรคำ ในฐานะนักกฎหมาย กล่าวถึงกรณีดีเอสไอระบุผลตรวจดีเอ็นเอจากซิการ์ ของอดีตพระเณรคำตรงกับเด็กชายต้องสงสัยว่าเป็นลูกของอดีตพระเณรคำว่า ตามหลักกฎหมายพนักงานสอบสวนมีหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริง พยานหลักฐานที่ได้มาดังกล่าวมีคนนำมาให้ แต่ที่ผ่านมามีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาเคยวิจนิจฉัยไว้ว่าความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ศาลต้องรับฟังเสมอไป ขณะนี้ดีเอสไอระบุว่าคราบน้ำลายที่ซิการ์ ซึ่งจะพิสูจน์อย่างไรว่าเป็นของอดีตพระเณรคำ ถ้าซิการ์ได้มาจากพี่น้องของเด็กตรวจดีเอ็นเอก็ออกมาเหมือนกันตามหลักกรรมพันธ์หรือเผ่าพันธ์ จึงถือว่าเป็นการพิสูจน์ฝ่ายเดียว การแถลงอย่างนี้อันตรายมาก เพราะหากวันหนึ่งอดีตพระเณรคำมามอบตัวแล้วถุยน้ำลายให้ดีเอสไอนำไปตรวจสอบดีเอ็นเอ หากผลออกมาไม่ใช่ใครจะรับผิดชอบ
       
       นักกฎหมายชื่อดังกล่าวอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นผ่านมากว่า 10 ปี ไม่มีร่องรอยที่จะใช้พิสูจน์ แม้จะอ้างว่ามีดีเอ็นเอจากซิการ์ก็ต้องดูว่าอดีตพระเณรคำสูบบุหรี่หรือไม่ เท่าที่ตนรู้มาอดีตพระเณรคำไม่สูบบุหรี่ มีแต่กินชานหมาก ซึ่งน้ำลายจากชานหมากมีอายุอยู่ไม่ใช่ผ่านมา 10 ปี น้ำลายยังอยู่อย่างนั้นต้องไปเขียนตำรากันใหม่ จากข้อมูลที่ตนทราบขณะนี้มั่นใจว่าคดีนี้ไม่ยาก โดยอยากให้จับตามองการไต่สวนของศาลจังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 9 ก.ย.ซึ่งทางฝ่ายผู้หญิงคู่กรณีมีการไปยื่นฟ้องคดีกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ข้อกล่าวหาเดียวกับที่ดีเอสไอดำเนินคดีในขณะนี้ว่า คดีมีมูลพอที่ศาลจะรับฟ้องหรือไม่ ซึ่งตนเห็นว่าคดีจะไม่มีมูลสูงมาก เพราะผ่านมากว่า 10 ปี ร่องรอยการถูกข่มขืนไม่มี
       
       นายสุกิจ กล่าวอีกว่า ตนตั้งข้อสังเกตุว่าเรื่องนี้น่าจะขาดอายุความ เพราะขณะเกิดเรื่องประมวลกฎหมายอาญา กำหนดอายุความของคดีกระทำชำเราไว้ที่ 10 ปี แต่ต่อมามีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มโทษคดีกระทำชำเราให้หนักขึ้นถึงจำคุก 20 ปี พร้อมมีการเพิ่มระยะเวลาการหมดอายุความเป็น 15 ปี เมื่อปี 50 ซึ่งกฎหมายเขียนให้ใช้เรื่องอายุความขณะกระทำผิด ตนจึงเห็นว่าคดีกระทำชำเราฯ น่าจะขาดอายุความแต่ไม่อยากเปิดเผยรายละเอียดมาก ขณะนี้สังคมได้พิพากษาอดีตพระเณรคำไปแล้ว แต่ตนในฐานะนักกฎหมายอยากจะขอความเป็นธรรมให้กับอดีตพระเณรคำด้วย ส่วนเรื่องการจะเข้ามอบตัวของอดีตพระเณรคำหากข่าวออกมาอย่างนี้ไม่รู้ลูกศิษย์จะไปแนะนำอย่างไรอีก ซึ่งจะมีการยืนยันคำตอบว่าจะเข้ามอบตัวหรือไม่มายังตนในเช้าวันที่ 23 ส.ค.

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ในบางเรื่องที่กฎหมาย ไม่สามารถเอาผิดได้ เนื่องด้วยจากสาเหตุต่างๆ เช่น คดีหมดอายุความ เป็นต้น  กรรมทางโลกที่ต้องใช้กฎหมาย คนร้ายอาจจะหนีได้

แต่ถ้าเป็นพระภิกษุ  ผิดในเรื่อง ปาราชิก  ก็ไม่สามารถหนีเวรกรรมของตนเองได้
และไม่มีการลดหย่อนผ่อนโทษได้


-----------------------------------------------------------------------------

 อาบัติปาราชิก - โทษประหารของพระภิกษุ
Posted by ไม้เจีย , ผู้อ่าน : 15158 , 12:08:24 น. 
-http://www.oknation.net/blog/maijea/2010/03/03/entry-1-

อาบัติ คืออะไร

อาบัติ คือกิริยาที่ล่วงละเมิดสิกขาบท และต้องได้รับโทษต่อตน กล่าวโดยชื่ออาบัติมี ๗ อย่าง คือ ๑ ปาราชิก ๒ สังฆาทิเสส ๓ ถุลลัจจัย ๔ ปาจิตตีย์ ๕ ปาฏิเทสนียะ ๖ ทุกกฏ ๗ ทุพภาสิต กล่าวโดยโทษมี ๓ สถานคือ

๑.อาบัติอย่างหนัก ทำให้ภิกษุผู้ต้องอาบัตินั้นขาดจากความเป็นภิกษุ อันหมายถึงอาบัติปาราชิก

๒.อาบัติอย่างกลาง ทำให้ภิกษุผู้ต้องอาบัตินั้นต้องอยู่กรรม โดยประพฤติวัตรอย่างหนึ่งเพื่อทรมานตน อันหมายถึงอาบัติสังฆาทิเสส

๓.อาบัติอย่างเบา ทำให้ภิกษุผู้ต้องอาบัตินั้นต้องประจานตนต่อหน้าภิกษุด้วยกัน แล้วจึงจะพ้นโทษนั้นได้ อันได้แก่อาบัติถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ และทุพภาสิต โดยอาบัติ

ปาราชิก โทษประหารชีวิต ของพระภิกษุ

ภิกษุล่วงอาบัติปาราชิกเพียงข้อใดข้อหนึ่งแล้ว ย่อมไม่สามารถอยู่กับภิกษุทั้งหลายเหมือนก่อนได้อีก เป็นปาราชิกหาสังวาสมิได้ แม้จะอุปสมบทอีก ก็ไม่เป็นภิกษุโดยชอบด้วยพระวินัยตลอดชาติ อาบัติในสิกขาบทนี้ จึงเป็น อเตกิจฉา คือแก้ไขไม่ได้  เป็น อนวเสสา คือหาส่วนเหลือมิได้ เป็น มูลเฉท คือตัดรากเหง้า ภิกษุจะล่วงมิได้เลยเด็ดขาด

 

สิกขาบทที่ ๑ ภิกษุใด ถึงพร้อมซึ่งสิกขาและสาชีพของภิกษุทั้งหลาย แล้วไม่บอกคืนสิกขา ไม่ทำความเป็นผู้ทุรพลให้แจ้ง เสพเมถุนธรรม โดยที่สุดแม้ในสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้

สิกขาบทที่ ๒ ภิกษุใด ถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้ เป็นส่วนแห่งโจรกรรม จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี ในเพราะถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้เห็นปานใด ภิกษุถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้เห็นปานนั้น แม้ภิกษุนี้ ก็เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้

สิกขาบทที่ ๓ ภิกษุใด จงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิต หรือแสวงหาศัสตราอันจะปลิดชีวิต ให้แก่กายมนุษย์นั้น หรือพรรณนาคุณแห่งความตาย หรือชักชวนเพื่ออันตาย โดยหลายนัย แม้ภิกษุนี้ก็เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้

สิกขาบทที่ ๔ ภิกษุใด ไม่รู้เฉพาะ [คือไม่รู้จริง] กล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้ามาในตน อันผู้ใดผู้หนึ่งถือเอาตามก็ตาม ไม่ถือเอาตามก็ตาม [คือเชื่อก็ตาม ไม่เชื่อก็ตาม ถูกซักถามก็ตาม ไม่ถูกซักถามก็ตาม] เป็นอันต้องอาบัติแล้ว แม้ภิกษุนี้ก็เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้ เว้นไว้แต่สำคัญว่าได้บรร

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ม.บูรพา แฉ คลิปพระสงฆ์ถือบาตรยืนแช่ ฮั้วผู้ค้าเวียนขายของใส่บาตร
-http://hilight.kapook.com/view/90728-




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Journalism Burapha สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

          โคโค่นิวส์ ของ ม.บูรพา แฉ คลิปพระสงฆ์ยืนถือบาตรอยู่กับที่ในตลาดหนองมน ซ้ำยังฮั้วกับผู้ค้า นำของใส่บาตรกลับมาขายใหม่ คนวิจารณ์แซด ! ไม่เหมาะ เจอบ่อยในหลายพื้นที่

          วันนี้ (5 กันยายน 2556) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกไซเบอร์ได้มีการแชร์คลิปชื่อ "พระสงฆ์ยืนรับบาตร ฮั้วแผงกับข้าว" ที่โพสต์โดยคุณ Journalism Burapha ลงในเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม โดยในคลิปเป็นภาพของพระสงฆ์รูปหนึ่งยืนรับบาตรอยู่กับที่เป็นเวลานานในบริเวณตลาดหนองมน จังหวัดชลบุรี และยังนำกับข้าวที่ญาติโยมใส่บาตรไปให้ร้านขายกับข้าวใส่บาตรเวียนกลับมาขายใหม่อีกด้วย

          ทั้งนี้ นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ผู้จัดทำเว็บไซต์ coconews ซึ่งเป็นผู้ลงพื้นที่รายงานข่าวและถ่ายคลิปดังกล่าว ระบุว่า จากการสอบถามแม่ค้าในตลาดหนองมน ทราบว่า พระสงฆ์ส่วนใหญ่ที่ทำพฤติกรรมเช่นนี้มาจากสำนักสงฆ์ ตำบลอ่างศิลา โดยตอนเช้าจะนั่งรถยนต์มายืนรอบิณฑบาต และมีคนเคยเห็นพระสงฆ์บางรูปนำกับข้าวที่ได้รับบาตรมาให้ผู้ค้ากับข้าวใส่บาตรนำไปขายใหม่ด้วย

          ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่เทศกิจก็บอกว่า เคยเห็นพระสงฆ์มายืนใส่บาตรเช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการทำอะไรได้ ทำได้แต่เพียงไล่แผงกับข้าวที่ตั้งขายเกินเวลา 08.00 น. เท่านั้น

          แน่นอนว่าภาพดังกล่าวที่ถูกเผยแพร่ออกไป นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทั้งตัวของพระสงฆ์เอง รวมทั้งผู้ค้ากับข้าวใส่บาตร ขณะที่บางความเห็นก็บอกว่า พบเห็นพฤติกรรมพระสงฆ์ในลักษณะอยู่บ่อยครั้ง และไม่ได้มีเพียงแค่ที่ตลาดหนองมน และยังปรากฏให้เห็นในพื้นที่อื่น ๆ ด้วย


! Private video
-http://www.youtube.com/watch?v=NZCIA3A_Hr4&feature=player_embedded-
คลิป พระสงฆ์ยืนรับบาตร ฮั้วแผงกับข้าว  เครดิต โคโค่นิวส์ มหาวิทยาลัยบูรพา
โพสต์โดยคุณ Journalism Burapha สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://coconews.in.th/index.php/art-culture-news/178-2013-09-03-13-07-27-



คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
กองปราบฯย่องสอบ "เดียรถีย์โล้น" ยึดวัดเจ้าเงาะ เจ้าคณะปราจีนฯชี้เป็นภัยต่อศาสนา ถือหนังสือสุทธิ 2 เล่ม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    7 กันยายน 2556 19:54 น.
-http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000112777-







พระมหาพลชัย ถาวโร (อุ่นทรัพย์) อดีตคือพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าช้าง ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เคยมีประวัติถูกเจ้าหน้าที่กองปราบปรามบุกเข้าจับกุมคาชุด "พันเอก" ขณะขับรถยนต์หรูพาสีกาสาวไปนอนด้วยภายในบ้านพักย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี และถูกจับสึกเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2543



ฉะเชิงเทรา - กองปราบฯ ย่องเงียบตรวจสอบหลักฐาน "เดียรถีย์โล้น" ที่ถูกจับสึกฐานมั่วสุมสีกาและแต่งชุด "พ.อ." เมื่อปี 43 แล้วแอบกลับมาบวชอีกครั้ง พร้อมเข้ายึด "วัดเจ้าเงาะ" ของ "หลวงปู่เที่ยง" หวังฮุบมรดก ขึ้นป้ายเชิญชวนร่วมถวายผ้ากฐิน ผ้าไตรพระราชทานที่ "วัดเจ้าเงาะ" ด้านเจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี ชี้เป็นภัยต่อศาสนา แฉถือหนังสือสุทธิ 2 เล่ม ลั่นให้อยู่ในพื้นที่ไม่ได้ ขณะที่ชาวบ้านรอบวัดชี้ "วัดเจ้าเงาะเปลี่ยนไป"
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีพบพระมหาพลชัย ถาวโร (อุ่นทรัพย์) อดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าช้าง ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ที่เคยถูกเจ้าหน้าที่กองปราบปรามบุกจับกุมคาชุด “พันเอก” ขณะขับรถยนต์หรูพาสีกาสาวไปนอนภายในบ้านพักย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี และถูกจับสึกเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2543 หลังจากนั้น ได้กลับมาบวชเป็นพระใหม่อีกครั้ง โดยล่าสุดพบปรากฏตัวอยู่ที่วัดสันติวิเศษสุข หรือวัดเจ้าเงาะ ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นพระมหา ดร.พลชัย ถาวโร และพยายามที่จะยึดทรัพย์สิน รวมทั้งที่ดินของวัดหลังจากพระครูวิเศษพัฒนคุณ (เที่ยง โฉมเฉลา) ผู้ก่อตั้งวัดนี้ได้มรณภาพลงเมื่อปี 2554
       
       โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ สารวัตร กองกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ได้มอบหมายให้ ร.ต.ต.สุรชัย จันทร์สิงห์ รอง สว.ฯ ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป.ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลและหาหลักฐานแล้ว โดยได้ไปสอบปากคำนายธวัฒน์ แท่นทอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปราจีนบุรี ถึงพฤติกรรมของพระมหาพลชัย ถาวโร รวมทั้งตรวจสอบเรื่องที่มีพุทธศาสนิกชนร้องเรียนไปยังกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ให้มีการตรวจสอบหลังพบเห็นป้าย "เชิญชวนร่วมถวายผ้ากฐิน ผ้าไตรพระราชทาน ณ ธุงคสถาน ที่วัดสันติวิเศษสุข ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2555 เวลา 12.12 น.ฃ
       
       โดยนายธวัฒน์ ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า กรณีดังกล่าวทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปราจีนบุรีไม่ทราบว่าทางวัดสันติวิเศษสุขนั้นได้ขอพระราชทานผ้าไตรพระราชทานผ่านหน่วยงานใด และถูกต้องหรือไม่ แต่วันดังกล่าวทางวัดได้จัดงานถวายกฐิน ผ้าไตรพระราชทาน จริง ดดยในวันนั้นมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ใน จ.ปราจีนบุรี รวมทั้งข้าราชการทหาร ตำรวจ และพระสังฆาธิการระดับจังหวัดได้มาร่วมงานด้วย
       
       นายธวัฒน์ ให้การต่อว่า ในขณะนั้น (17 พ.ย.55) วันสันติวิเศษสุข มีสถานะเป้นที่พักสงฆ์และได้รับอนุญาติให้สร้างวัดแล้วและอยู่ระหว่างพิจารณาอนุญาตให้ตั้งวัด โดยมีพระพลชัย ถาวโร เป็นประธานดูแลและปัจจุบันวัดสันติวิเศษสุข ได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดถูกต้องตามกฎหมายแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2555
       
       "ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปราจีนบุรี ทราบว่านายปัญญา บำรุงวัด ซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดได้เสนอพระพลชัย ถาวโร เป็นเจ้าอาวาสวัด แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีการแต่งตั้งพระรูปใดเป็นเจ้าอาวาสวัดสันติวิเศษสุข หากแต่ทางคณะสงฆ์จังหวัดปราจีนบุรี ได้แต่งตั้งพระครูจันทวรกิจจาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเนินดินแดง ตำแหน่งเต้าคณะตำบลบ้านพระ เขต 2 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสันติวิเศษสุข" นายธวัฒน์ ให้การ
       
       นายธวัฒน์ ยังให้การอีกว่า ปัจจุบันพระพลชัย ถาวโร สังกัดวัดธรรมปัญญา ต.พรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก ยังไม่ได้ย้ายสังกัดมาอยู่ที่วัดสินติสุข เพียงแค่มาพำนักอยู่ที่วัดสินติวิเศษสุข ในฐานะพระลูกวัดเท่านั้น และได้รับมอบหมายจากพระครูจันทวรกิจจาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเนินดินแดง ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลบ้านพระ เขต 2 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสินติวิเศษสุข ด้วยวาจาให้พระพลชัย ถาวโร ช่วยดูแลวัด ไปพรางก่อน แต่จะดำเนินการอะไรภายในวัดสันติวิเศษ ให้รายงานพระครุจันทวรกิจจาภรณ์ ทราบก่อน
       
        **พระผู้ใหญ่ปราจีนฯชี้ "เป็นภัยต่อศาสนา"
       
       ด้านพระราชภัทรธาดา เจ้าอาวาสวัดบางกระเบา อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี เจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวถึงเรื่องที่ทางพระครูจันทวรกิจจาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเนินดินแดง ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลบ้านพระ เขต 2 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสินติวิเศษสุข ยังไม่รับพระพลชัย เข้าสังกัดและแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดเจ้าเงาะว่า เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่าพระรูปนี้ถือหนังสือสุทธิ 2 เล่ม และมีข้อมูลประวัติเคยถูกเจ้าหน้าที่กองปราบฯ จับกุมและจับสึกมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ทางคณะสงฆ์เข้าไปตรวจสอบและสอบสวนในเรื่องนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้มีรายงานเข้ามา
       
       ขณะที่แหล่งข่าวในแวงวงการสงฆ์ใน จ.ปราจีนบุรี เปิดเผยว่า เรื่องของพระพลชัยนี้ ทางพระผู้ใหญ่ใน จ.ปราจีนบุรี บอกว่าจะปล่อยให้อยู่ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ไม่ได้ เพราะบุคคนี้ถือว่าเป็นภัยต่อศาสนาอย่างร้ายแรง เพราะที่ผ่านมาได้ใช้ศาสนาหากินมาโดยตลอด และชอบแอบอ้างชื่อพระผู้ใหญ่ โดยเฉพาะพระพรหมสุธี (เสนาะ ปัญญาวชิโร) เจ้าคณะภาค 12 นอกจากนี้ ยังชอบแอบอ้างว่ารู้จักกับพระผู้ใหญ่อีกหลายรูป และรู้จักกับบุคคลสำคัญระดับประเทศ รวมทั้งระดับรัฐมนตรีในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วย
       
       "หลังจากที่พระพลชัย เข้ามาอยู่ใน จ.ปราจีนบุรี ก็ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับวงการสงฆ์และศาสนาใน จ.ปราจีนบุรี อย่างมากจนชาวบ้านรอบๆ วัดเจ้าเงาะ เขาเริ่มที่จะเอื่อมระอากันบ้างแล้ว และปัจจุบันพบว่าญาตโยมบริเวณรอบๆ วันเจ้าเงาะนั้นก็ไม่มีใครเขาเข้าไปทำบุญที่วัดนี้แล้ว จะมีก็น้อยมาก ส่วนคนที่มาส่วนใหญ่จะเป็นคนนอกพื้นที่ที่ได้ฟังพระพลชัย จัดรายการทางวิทยุเชิญชวนมาทำบุญ แต่ก็ยังมีไม่มากประมาณ 40-50 คนและจะมีเฉพาะวันเสาร์ที่มีพิธีสะเดาะเคราะห์กันเท่านั้น" แหล่งข่าวกล่าว
       
        **ชาวบ้านรอบวัดชี้"วัดเจ้าเงาะ"เปลี่ยนไป
       
       ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ วัดรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ปัจจุบันวัดเจ้าเงาะต่างจากสมัยที่หลวงปู่เที่ยงอยู่ ซึ่งจะมีคนมาทำบุญไม่ขาดสาย ถ้าเป็นวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดสำคัญจะมากันมาจนที่จอดรถเต็มไปหมด และหลวงปู่เอง ก็จะมีเมตตาให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เคยซื้อที่ดินให้กับทาง อบต.บ้านพระ และเคยให้งบประมาณกับทาง อบต.บ้านพระในการจ้างรถมาขุดบ่อเพื่อทำน้ำประปา ให้แก่ชาวบ้านด้วย
       
       "ตอนนี้ไม่ค่อยจะมีมาเท่าไร จะมาก็วันเสาร์ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ มาทำพิธีสะเดาะเคราะห์พอตกเย้นประมาณ 16.00 น.ก็จะกลับโดยมีรถรับส่ง ส่วนพระที่มาอยู่ใหม่ ทราบว่ายังไม่ได้มีการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส มาอยู่เมื่อช่วงปี 2553 ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากไหน ส่วนพระเก่าๆ ที่อยู่ในวัดนี้สมัยที่หลวงปู่เที่ยง ยังไม่มรณภาพก็ไม่ได้อยู่กันแล้ว จะเห็นมีก็เพียงแค่รูปเดียวเท่านั้น ซึ่งท่านชอบเล่นหวย และพระที่มาจำพรรษาที่วัดนี้ก็เป็นพระมาจากที่อื่น"
       
       ขณะที่ชาวบ้านอีกราย ซึ่งอยู่บริเวณใกล้ๆ กับวัด บอกว่า พวกตนศรัทธาหลวงปู่เที่ยง กันมากเพราะท่านเป็นพระปฏิบัติดี ช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ดินทั้งหมดนี้หลวงปู่เที่ยงก็เป็นผู้ซื้อทั้งหมด โดยท่านทยอยซื้อที่ละแปลงเพื่อต้องการที่จะสร้างวัดนี้ให้เป็นวัดประจำตำบล และเป็นศูนย์รวมของประชาชน แต่พอท่านมรณภาพ พระองค์ใหม่เข้ามาอยู่แทน ตนมีความรู้สึกว่าทางวัดมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนแต่ก่อน

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000112777
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)