 สูตรอันประกาศบนมหาบัลลังก์
สูตรอันประกาศบนมหาบัลลังก์
แห่ง  "ธรรมรถ"ลำดับ
สารบัญของเนื้อหา
หมวดที่ 1 ชีวประวัติที่ท่านเล่าเอง
หมวดที่ 2 ว่าด้วย-ปรัชญา
หมวดที่ 3 ว่าด้วยข้อปุจฉา-แลวิสัชนา
หมวดที่ 4 ว่าด้วย สมาธิ และปรัชญา(*๑๖)
หมวดที่ 5 ว่าด้วย ธฺยานะ
หมวดที่ 6 ว่าด้วยบาปสำนึก (การสำนึกบาป)
หมวดที่ 7 ว่าด้วยคำสอนอันเหมาะแก่อุปนิสัย และสิ่งแวดล้อม
หมวดที่ ๘ สำนักฉับพลัน และ สำนักเชื่องช้า
หมวดที่ ๙ พระบรมราชูปถัมภ์
หมวดที่ ๑๐ คำสอนสุดท้าย หมวดที่ 1 ชีวประวัติที่ท่านเล่าเอง
 หมวดที่ 1 ชีวประวัติที่ท่านเล่าเอง   ครั้งหนึ่ง  เมื่อพระสังฆปริณายกองค์นี้  ได้มาที่วัดเปาลัม  ข้าหลวงไว่ แห่งเมืองชิวเจา  กับข้าราชการอีกหลายคน  ได้พากันไปที่วัดนั้น เพื่อขอให้ท่านกล่าวธรรมกถาแก่ประชาชนทั่วไป ณ ห้องโถง.แห่งวิหารไทฟัน  ในนครกวางตุ้ง.     
        ในไม่ช้า  มีผู้มาประชุมฟัง ณ โรงธรรมสภานั้น  คือข้าหลวงไว่แห่งชิวเจา, พวกข้าราชการและนักศึกษาฝ่ายขงจื้อ อย่างละประมาณ 30 คน, ภิกษุ, ภิกษุณี นักพรตแห่งลัทธิเต๋า  และคฤหัสถ์ทั่วไป  รวมเบ็ดเสร็จประมาณหนึ่งพันคน.
        ครั้นพระสังฆปริณายก  ได้ขึ้นนั่งบนอาสนะเรียบร้อยแล้ว  ที่ประชุมได้ทำการเคารพ. และอาราธนาขอให้ท่านแสดงธรรมว่าด้วยหลักสำคัญแห่งพุทธศาสนา. ในอันดับนั้น   ท่านสาธุคุณองค์นั้น  ได้เริ่มแสดงมีข้อความดังต่อไปนี้-
ท่านผู้คงแก่เรียนทั้งหลาย  จิตเดิมแท้ (Essence of Mind) ของเรา
ซึ่งเป็นเมล็ดพืชหรือแก่นของการตรัสรู้นั้น  
เป็นของบริสุทธิ์ตามธรรมชาติ (Pure by nature) และต้องอาศัย  จิตเดิมแท้ นี้เท่านั้น  
มนุษย์เราจึงจะเข้าถึงความเป็นพุทธะได้โดยตรงๆ
อาตมาจะเล่าให้ฟังถึงประวัติของอาตมาเองบางตอน  และเล่าถึง
ข้อที่ว่า อาตมาได้รับคำสอนอันเร้นลับ  
แห่งนิกายธยาน(เซ็น) มาด้วยอาการอย่างไร
        บิดาของอาตมาเป็นชาวเมืองฟันยาง  ถูกถอดจากตำแหน่งราชการ  ถูกเนรเทศไปอยู่อย่างราษฎรสามัญที่ซุนเจาในมณฑลกวางตุ้ง.  อาตมาโชคร้ายโดยที่บิดาได้ถึงแก่กรรมเสียแต่ในขณะที่อาตมายังเล็กอยู่เหลือเกิน  และทิ้งมารดาไว้ในสภาพที่ยากจนทนทุกข์  เราสองคนจึงย้ายไปอยู่ทางกวางเจา และอยู่ที่นั้นด้วยความทุกข์ยากเรื่อยมา.
        วันหนึ่ง  อาตมากำลังนำฟืนไปขายอยู่ที่ตลาดเพราะเจ้าจำนำคนหนึ่งเขาสั่งให้นำไปขายให้เขาถึงร้าน  เมื่อส่งของและรับเงินเสร็จแล้ว  อาตมาก็ออกจากร้าน  ได้พบชายคนหนึ่งกำลังบริกรรมสูตรๆ หนึ่งอยู่แถวหน้าร้านนั้นเอง  พอได้ยินข้อความแห่งสูตรนั้นเท่านั้น  ใจของอาตมาก็ลุกโพลงสว่างไสวในพุทธธรรม  อาตมาจึงถามชื่อคัมภีร์ที่เขากำลังสวดอยู่  ก็ได้ความจากชายคนนั้นว่า  พระสูตรนั้นชื่อ 
วัชรสูตร (
วชฺรจฺเฉทิกสูตร  หรือพระสูตรอันว่าด้วย เพชรสำหรับตัด) อาตมาจึงไล่เรียงต่อไปว่า  เขามาจากไหน ทำไมเขาจึงจำเพาะมาท่องบ่นแต่พระสูตรนี้.  ชายคนนั้นตอบว่าเขามาจากวัดตุงซั่น ตำบลวองมุย เมืองคีเจา เจ้าอาวาสในขณะนี้มีนามว่า
หวางยั่น(ฮ่งยิ้ม) เป็นพระสังฆปริณายก แห่งนิกายเซ็น องค์ที่ 5 มีศิษย์รับการสั่งสอนอยู่ประมาณพันคน  เมื่อเขาไหว้พระสังฆปริณายกที่วัดนั้น  เขาได้ฟังเทศน์หลายครั้งเกี่ยวกับพระสูตรๆนี้  เขาเล่าต่อไปว่า ท่านสาธุคุณองค์นั้นเคยรบเร้าทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตอยู่เสมอ  ให้พากันบริกรรมพระสูตรๆนี้  เผื่อว่าเมื่อเขาพากันบริกรรมอยู่  เขาจะสามารถเห็น  
จิตเดิมแท้  ของตนเอง  และจะเข้าถึงความเป็นพุทธะได้โดยตรงๆ เพราะเหตุนั้น
 ภาพพระสังฆปรินายก เว่ยหล่าง หรือ ฮุ่ยเหนิง แห่งนิกายเซ็นในจีน รูปที่ 6องค์ต้นแบบ พระสังฆปรินายกเว่ยหล่าง
ภาพพระสังฆปรินายก เว่ยหล่าง หรือ ฮุ่ยเหนิง แห่งนิกายเซ็นในจีน รูปที่ 6องค์ต้นแบบ พระสังฆปรินายกเว่ยหล่าง
บูรพาจารย์ นิกายเซ็นในจีน รูปที่ 6 จำลองใบหน้า จากสรีระ
ที่ไม่เน่าเปื่อย ในวัดหนานหัว (南华寺) ประเทศจีน
Vitsawapat Maneepattamakate
-http://www.facebook.com/mahaparamita