หลากวิธีแก้โรคเท้าเหม็น (Pitted Keratolysis) อย่างได้ผล
-http://club.sanook.com/10882/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%87-
ช่วงนี้ยังคงมีฝนตกบ้างประปราย บางครั้งการเดินทางในแต่ละวัน ก็อาจจะต้องเจอกับแอ่งน้ำ หรือต้องลุยน้ำฝน ความเปียกชื้นทั้งหลาย จุดนี้บางคนอาจจะเป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่สำหรับบางคนก็อาจจะเป็นปัญหาใหญ่มากๆเลยล่ะค่ะ เพราะความเปียกชื้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยของการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ค่ะ โดยเฉพาะกับส่วนที่อับชื้นง่ายเช่นเท้า หรือรองเท้าของเราๆนั่นเอง วันนี้เรามีข้อแนะนำเกี่ยวกับปัญหา และวิธีแก้ไขโรคเท้าเหม็นมาให้อ่านกันค่ะ
บางคนอาจจะมองว่า ปัญหาเท้าเหม็น นั้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดกับทุกคนได้ถ้าใส่รองเท้าผ้าใบ รองเท้าหนัง หรือรองเท้าที่มีการระบายต่ำ ถอดรองเท้าออกมาก็น่าจะเกิดกลิ่นเหม็นกันทุกคน ซึ่งไม่จริงเสมอไปเพราะบางคนที่ถึงจะใส่รองเท้าหรือถุงเท้ายังไงเท้าก็อาจจะไม่เหม็นเลย ปัญหาเท้าเหม็นนั้นเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลมากกว่า เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าปัญหาเท้าเหม็นนั้นเกิดจากอะไรได้บ้าง ทำไมบางคนเหม็นแบบสุดๆ แต่บางคนกลับไม่มีกลิ่นเลย
โรคเท้าเหม็น
ปัญหาเท้าเหม็นเกิดจาก
สาเหตุที่ทำให้เท้าของเราเหม็นนั้นไม่ได้เกิดจากเหงื่อที่ออกมาจากเท้าเราโดยตรง แต่เกิดจากแบคทีเรียที่อยู่ที่เท้าของเราต่างหากที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเน่าออกมา โดยเชื้อแบคทีเรียที่ว่ามันก็จะไปทำปฏิกิริยากับเหงื่อที่ออกผสมผสานกันอย่างลงตัวจนได้กลิ่นมาดามเฉพาะตัวออกมา ซึ่งเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เอามากๆ และอีกสาเหตุหนึ่งซึ่งหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าบางคนที่เท้าเหม็นมากๆนั้นจริงแล้วเค้าเป็น “โรคเท้าเหม็น” หรือ Pitted Keratolysis ซึ่งอาการที่จะสังเกตได้ก็คือ เท้าจะเหม็นอย่างรุนแรง อาจมีหลุมเล็กๆบริเวณฝ่าเท้าและง่ามเท้า บางครั้งเวลาสวมถุงเท้าและถอดออกถุงเท้ามักจะแนบติดกับตัวเท้าจะหนืดนิดนึงเวลาถอด ซึงหากใครเป็นโรคเท้าเหม็นแล้วก็ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่แล้วล่ะ บางครั้งการเข้าไปปรึกษาแพทย์อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดก็ได้
แต่ก่อนที่เราจะไปหาหมอเพื่อให้หมอช่วยรักษาอาการเท้าเหม็นนั้น บางทีเราก็ไม่อยากไปหาหมอสักเท่าไร เพราะคงไม่มีใครมีความสุขเวลาไปหาหมอแน่ หากเราสามารถรักษา บำบัด และป้องกันปัญหาเท้าเหม็นด้วยตนเองได้ก็คงจะดีไม่น้อย อย่างแรกก็คือไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปหาหมอ และไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาค่ายา ทีนี้เราจะแยกวิธีการแก้ปัญหาออกเป็น 2 ส่วนหลักๆก็คือ
แก้ปัญหาที่เท้าของเรา
แก้ปัญหารองเท้า + ถุงเท้าที่เราสวมใส่
เรามาดูวิธีแก้ปัญหาเท้าเหม็นไปทีละข้อกันค่ะ
1. แก้ปัญหาเท้าเหม็นที่เท้าของเรา
แช่เท้าในน้ำอุ่นผสมเกลือ
เป็นวิธีการง่ายๆแต่ได้ผลดีมากก็คือต้มน้ำให้เดือดและทิ้งไว้ให้พออุ่น จากนั้นใส่เกลือแกงที่เรากินกันนี่แหละลงไปในน้ำที่เตรีมไว้ จากนั้นก็เอาเท้าลงแช่ประมาณ 15-20 นาที ทำอย่างนี้ทุกวัน ภายใน 1 เดือนอาหารเท้าเหม็นของเราจะทุเลาลงได้ เท้าจะเหม็นน้อยลงหรืออาจจะหายไปเลยก็ได้
แช่เท้าในน้ำยาเดทตอล
หาซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อเดทตอลที่เป็นขวดน้ำสีส้มๆมาโดยเอาผสมกับน้ำในถังหรือกะละมังที่เตรีมไว้ เวลาแช่ก็ให้เอาแปรงที่ใช้ขัดเท้าขัดทำความสะอาดไปด้วย โดยเฉพาะบริเวณซอกเล็บกับง่ามนิ้วเท้าต้องขัดเป็นพิเศษเพราะเชื้อแบคทีเรียจะอยู่แวนั้นเยอะ ขัดทุกวันก่อนเข้านอนจะช่วยให้เท้าหายเหม็นแน่นอน
โรคเท้าเหม็น
แช่เท้าในน้ำยาบ้วนปาก
อีกหนึ่งสูตรการแช่เท้าก็คือไปหาซื้อน้ำยาบ้วนปากมาสักขวด เอายี่ห้ออะไรก็ได้ จากนั้นก็เทลงผสมกับน้ำสัก 2 ฝา แล้วก็นั่งแช่ไปเรื่อยๆตามความพอใจ เอาจนเท้าเปื่อยเลยก็ได้ น้ำยาบ้วนปากจะมีตัวยาที่ใช้ทำลายเชื้อแบคทีเรียได้ดีเช่นกัน แช่เป็นประจำก็ช่วยแก้ปัญหาเท้าเหม็นได้เหมือนกัน แต่จะเปลืองตังค์หน่อยนะ
ขัดเท้าด้วยสารส้ม
หาซื้อสารส้มมาสัก 1 ก้อน แล้วก็เอาถูให้ทั่วเท้าทั้งฝ่าเท้า ง่ามเท้า หลังเท้า ทำเวลาอาบน้ำก็ได้อาบน้ำไปถูเท้าไป สารส้มเป็นยาระงับกลิ่นอย่างดี นอกจากเอามาขัดเท้าแล้วก็เอามาถูจั๊กแร้สำหรับคนที่มีกลิ่นตัวกลิ่นเต่าแรงๆได้ผลดีสุดๆ แต่ทาบ่อยๆผิวบริเวณนั้นจะตึงและอาจจะแตกได้นะ
โรคเท้าเหม็น
ขัดเท้าด้วยเบคกิ้งโซดา
ซื้อเบคกิ้งโซดาหรือผงฟูที่เราเอามาทำขนม เช่น ซาลาเปา ขนมถ้วยฟู ขนมสาลี่ นั่นแหละ มันจะเป็นเม็ดละเอียดๆสีขาวๆ เอามาผสมในน้ำพอให้ข้นๆ จากนั้นก็เอามาทาให้ทั่วเท้าแล้วใช้แปรงขัดทุกมุมของเท้าให้สะอาด เบคกิ้งโซดาจะช่วยฆ่าเชื้อโรคและทำความสะอาดเท้าไปในตัวได้ หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เบเกอร์รี่ทั่วไป ไม่แพงด้วยซองเล็กประมาณ 10-12 บาท
โรคเท้าเหม็น
2. แก้ปัญหารองเท้า + ถุงเท้าที่เราสวมใส่
ซักรองเท้าถุงเท้าให้สะอาด
การซักรองเท้าเราให้สะอาดนั้นหากเป็นรองเท้าผ้าใบก่อนอื่นก็เอารองเท้าไปแช่ในน้ำที่ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเดทตอลซะก่อน ทิ้งไว้สัก 20 นาที แล้วก็สักด้วยผงซักฟองตามปกติ จากนั้นก็เอาไปตากแดดยิ่งจัดยิ่งดี ตากให้แห้งสนิทเพราะถ้าไม่แห้งแล้วมันก็จะเหม็นได้ง่ายมาก ส่วนถุงเท้านั้นก่อนสักก็เอาไปแช่ในน้ำร้อนก่อนสักครึ่งชั่วโมง แล้วก็ซักด้วยผงซักฟอกตามปกติตากให้แห้งสนิม จะได้ไม่มีเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เท้าเหม็นติดอยู่ ช่วยลดความเหม็นไปได้เยอะ
อย่าใส่รองเท้าคู่เดิมซ้ำๆกัน
เรื่องถุงเท้าคงไม่ต้องบอกนะว่าไม่ควรใส่ซ้ำ แต่มีบางคนช่วยใส่ถุงเท้าซ้ำแบบว่าขี้เกียจซัก อันนี้เลือกทำซะมันเท้าให้เท้าเหม็นมาก ส่วนรองเท้านั้นเราไม่ควรใส่คู่เดิมติดต่อกันเกิน 2 วัน เต็มที่ไม่เกิน 3 วัน จะได้ไม่สะสมเชื้อโรคมากนัก ให้มันได้พักเอาไปตากแดดบ้างอย่างน้อยก็สัก 24 ชั่วโมง สับเปลี่ยนใส่กันไปก็ช่วยลดความอับความเหม็นของเท้าได้เป็นอย่างดี
เปลี่ยนพื้นรองรองเท้าใหม่เป็นประจำ
พื้นรองรองเท้าไม่ว่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าหนังที่ขาด จะเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นที่เท้าชั้นดี เพราะฉะนันหากพื้นรองรองเท้าของเราเกิดขาดเป็นรูขึ้นมา ก็หาซื้อพื้นรองเท้าที่มีวางขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปมาเปลี่ยนซะ BigC , Lotus มีหมดตามแผนกขายรองเท้านั่นแหละ คู่ละไม่กีบาท บางทีแค่เปลี่ยนพื้นรองรองเท้าอาจช่วยให้เท้าหายเหม็นเลยก็ได้
โรคเท้าเหม็น
ปัญหาเท้าเหม็นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะนอกจากจะส่งผลต่อคนรอบตัว หรือผู้ร่วมงานที่ได้สัมผัสกับกลิ่นแล้ว ยังส่งผมลต่อบุคลิกภาพของเราในสายตาของคนอื่นด้วย หน้าตาดี แต่งตัวดี แต่ถอดรองเท้าออกมาเหม็นเป็นปลาเน่า คะแนนก็อาจจะติดลบเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นดูแลใส่ใจเท้าและรองเท้าของเราให้ดี เพื่อเท้าที่หอมของเรา เพื่อตัวคุณและคนที่คุณรัก “วันนี้คุณซักรองเท้าแล้วหรือยัง?”
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ :: healthbeautydd.blogspot.com
----------------------------------------------------------------------
20 วิธีช่วยตัวเองให้มีความสุข
-http://club.sanook.com/11926/20-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A7-
การทำงานเป็นสาเหตุของความเครียดได้เสมอ ไม่ว่าความเครียดนั้นจะมาจากหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง หรือแม้แต่ตัวเนื้องานเอง นอกจากจะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงแล้ว ยังมีผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจอีกด้วย การมีความกดดันในที่ทำงานบ้างเป็นสิ่งที่ดี เพราะ มันจะช่วยให้คุณปฏิบัติงานได้ดีขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่มาท้าทาย หรือการกระทำต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ถ้าความกดดัน และความต้องการมีมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิด ความเครียดที่สัมพันธ์กับการทำงาน เพราะแบบนี้เราก็ควรจะมาทำให้ชีวิตการทำงานมีความสุขดีกว่า
1. เช็ดโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานอาทิตย์ละ 1 ครั้ง อาการสิวขึ้นเป็นแถบที่ข้างแก้ม นั้นคือสิวที่เกิดจากโทรศัพท์ที่เราพูดลงไปทุกวัน ทั้งฝุ่น ทั้งน้ำลาย แต่ไม่ต้องห่วง สำลีชุบแอลกอฮอล์ช่วยคุณได้
2. ช้อนส้อม 1 ถ้วยกาแฟ 1 ฟองน้ำล้างจาน 1 ต้องมี! ไม่ใช่ว่ารังเกียจ ไม่ได้ทำตัวเป็นคุณหนู แต่มีไว้ใช้เป็นของส่วนตัวสบายใจ สบายตัวที่สุด เพราะคุณจะรู้หรือว่าใครไม่สบายเป็นอะไรกันรบ้าง แล้วคุณรู้มั้ยว่าฟองน้ำล้างจาน ตรงมุมกาแฟนั้น แม่บ้านเปลี่ยนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
3. อย่าเด็ดขาด! อย่าใส่ชุดสีดำทึม เทาในวันที่ซึมเศร้า เบื่อหน่าย ไปทำงาน เพราะจะทำให้คุณรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม
4. ดื่มน้ำให้ได้วันละ 8-10 แก้วเชื่อหรือไม่? ว่าอากาศในออฟฟิศที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำนั้นแห้งได้พอๆ กับทุ่งนากลางแจ้งผิวคุณก็จะขาดความชุ่มชื่นไปได้อย่างไม่รู้ตัว
5. ยิ้มทุกครั้งเวลาที่รับโทรศัพท์ จะช่วยให้เสียงสวยจนปลายสายอยากเห็นหน้า
6. ตั้งกระจกไว้ที่โต๊ะทำงาน ช่วยแก้ฮวงจุ้ยได้บ้าง แต่งานหลักเอาไว้ให้เราได้ฝึกยิ้มอยู่เสมอ ยิ้มบ่อยๆ จะเครียดน้อยลง ใจจะสบายขึ้น
7. โหลดวอลล์เปเปอร์เป็นรูปขำๆ หรือวิวสวยๆ ไว้ที่หน้าจอ พักสายตาได้ดี
8. วางแฮนด์ครีมกลิ่นหอมๆ ถูกใจที่สุด ไว้ไกล้ๆ มือ หาบ่อยๆ กลิ่นหอมจะช่วยผ่อนคลายได้ แถมมือยังนุ่มตามมา
9. เลือกเพลงแจ๊สเบาๆ หรือเป็นเพลงแบบมิวสิคบ็อกซ์ ใสๆ ฟังได้สบายๆ หรือจะเป็นเพลงคลาสสิกก็ดี คลื่นสมองเราจะทำงานได้สงบดีขึ้น แล้วจะเลือกแผ่นไหนดี ให้เลือกเพลงที่ฟังได้เพลินๆ ทำงานไปได้เรื่อย โดยที่ไม่รู้สึกว่าเสียสมาธินั่นละ
10. One free Day แค่อาทิตย์ละวัน วันไหนที่ไม่ต้องมีนัดกับใครไม่ต้องไปประชุมกับลูกค้า ยกเว้นนั้นให้ตัวเองได้ แต่งตัวสบายๆ หยุดพยายามสวยกันสักหนึ่งวัน
11. ขยับตัว ยืดหลัง 2 ครั้ง ต่อวัน เป็นอย่างน้อย
12.วางคริสตัลหรือแท่งแก้ว หินสีไว้ที่โต๊ะทำงาน ศาสตร์ทางฮวงจุ้ยบอกว่าจะช่วยดูดพลังร้ายๆไป ศาสตร์เรื่องหินจะบอกว่า จะช่วยดูดซับพลังความร้อนจากคอมพิวเตอร์ได้
13. มีรองเท้าแตะไว้ที่ใต้โต๊ะ ไว้เปลี่ยนตอนเมื่อยๆจากรองเท้าส้นสูง
14. ซ่อนเก้าอี้ซักผ้าตัวเล็กๆ ไว้ใต้โต๊ะ ไว้พักขา ยืดขาตอนเมื่อยๆ
15. เคลียร์โต๊ะทุกอาทิตย์ เคลียร์เอกสาร ทุก 2 อาทิตย์ เรามักจะใช้เวลา 1 ใน 3 ของวันในการหาของหรือเอกสารที่ต้องการใช้ ถ้าเรามีโต๊ะที่ยุ่งเหยิง หาอะไรไม่เคยเจอ ยิ่งหายิ่งเครียด หงุดหงิด ทำงานไม่ได้ดี หมอดูเห็นก็จะทำนายว่าชีวิตการงานจะยุ่งเหยิง (แม่นแน่ๆ)
16. ปัดฝุ่นบนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ก็ผลิตฝุ่นได้และมากอย่างที่เรานึกไม่ถึงด้วย วันละนิด วันละนิด
17. ลบเมล์ Delete ไฟล์ที่ไม่ใช้ใน Inbox ออกจากคอมพิวเตอร์บ้าง การทำงานจะง่ายขึ้น หาอะไรก็เจอ ความเครียดก็จะลดลง คล่องตัวขึ้น คอมพิวเตอร์ ก็เร็วขึ้นด้วย
18. Emergency Kit เพื่อความไม่ประมาท ควรมี 4 สิ่งนี้ติดลิ้นชักไว้เสมอ• ผ้าอนามัย แค่สักชิ้นก็พอ เผื่อฉุกเฉิน• แปรงสีฟัน+ยาสีฟัน+ควรใช้หลังอาหารเที่ยง หรือก่อนไปพบลูกค้า• โรลออน หรือสเปรย์ระงับกลิ่นกายแบบแห้งเร็ว สำหรับวันไหนที่ร้อน และเหงื่อออกมากกว่าปกติ• สเปรย์ระงับกลิ่นเท้า ปกติอาจจะไม่มี แต่ถ้าวันนั้นเดินมาก และเจอรองเท้าคู่อับ ก็มีสิทธิ์ได้ออกมาใช้เหมือนกัน
19. ใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรีหรือเฮดเซ็ท สำหรับคนที่ต้องคุยโทรศัพท์ทั้งวัน เพราะถ้าคุณเอียงคอ หนีบโทรศัพท์เรื่อยๆ มีโอกาสหมอนรองกระดูกอาจจะเสื่อม
20. รักงาน รักเพื่อน ร่วมงาน ทัศนคติที่ดีกับการทำงานจะช่วยให้คุณทำงานได้ดีขึ้น เหนื่อยน้อยกว่าที่ควรจะเป็นปัญหาทุกอย่างจะมีทางออกอยู่เสมอง เมื่อรู้สึกดีๆ กับงานที่ทำ กับคนที่ทำงานด้วยกันชีวิตจะเป็นสุข