ผู้เขียน หัวข้อ: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"  (อ่าน 149422 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #270 เมื่อ: มีนาคม 07, 2020, 12:00:40 pm »
โพสโดย ทวีสุข ธรรมศักดิ์
วันที่ 7 มีนาคม 2563

จำได้ว่าก่อนเลือกตั้งถูกถามว่าคิดยังงัยตอนนั้นตอบไปว่า
ถ้าไม่ชอบใครก็เลือกคนนั้นมาเป็นรัฐบาล ตอนนี้เห็นสภาพนะครับ
ไปตอบกันเอง

เรื่องแจกเงิน..เอาอารมณ์ออกก่อน...แล้วเปิดสมองด้วย..ก่อนอ่าน

ทำไมต้องแจกเงิน????

ตอนปี 2556-57 เรามีปัญหาเรื่องเงินหมุนเวียนในระบบ
เพราะ...การบริโภคภายในต่ำ..คนส่วนใหญ่เงินไม่ค่อยคล่อง
จนเกือบเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ

แต่อยู่ๆก็เหมือนโชคช่วย..นักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากจีนแห่มาไทยเยอะมาก
เราก็เลยลงทุนทั้ง สร้างโรงแรม คอนโด เพื่อรองรับกันในปริมาณมหาศาล
ก็...ทำให้เงินหมุนอยู่ช่วงหนึ่ง
บวกกับ...คนแห่ไปซื้อคอนโด..เพื่อลงทุน

......ทุกคนคิดว่า...จีน..จะโตตลอดไป...หายนะจึงเกิดขึ้น

จึงก่อหนี้มาลงทุนประมาณว่า..เงินหาได้ง่ายๆ
แต่..ลืมไปว่าเงินที่มี..คือ..การก่อหนี้..ทั้งสิ้น

ปี 2019 จีนชะลอการลงทุนและท่องเที่ยวลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
ปี 2020 เจอโรคระบาดทุกอย่างหยุดอย่างฉับพลัน

ปัญหาคือ..??
- การบริโภคจากภายในอ่อนแอ่อยู่แล้ว ก็มาเจอเงินที่มาจากภายนอกหายไปอีก
- ผู้บริโภค หรือ M3 เป็นหนี้สินระยะยาวจากอสังหาริมทรัพย์เก็งกำไร หนี้จากการกู้มาเพื่อชีวิต ดี๋ดี โชว์บนโซเชียล
การบริโภคยิ่งลด
- ไม่มีผลตอบแทนการจากออม..คนเลยขนเงินไปเสี่ยงสารพัดรูปแบบ เงินออมก็หายไปแบบไม่มีวันกลับ

ทั้งหมดนี้ทำให้การบริโภคลดลง...ปัญหาคือ???
- เมื่อบริโภคลดลง...ผู้ผลิตก็จะมีรายได้ลดลง
ปัญหาเรื่องหนี้+ดอกเบี้ย....ค่าแรงค่าเงินเดือน...ค่าใช้จ่ายต่างๆ
- การเลิกจ้างก็จะตามมา
- เมื่อไม่มีจ่ายดอกเบี้ย....หนี้เสียก็ตามมา
- หนี้เสียมาก...ธนาคารก็จะมีความเสี่ยง

ท่องเที่ยว..ปัญหาคือ?
คิดง่ายๆว่า..เวลาไปเที่ยว..เราทำอะไรบ้าง

- ทานอาหาร...มีกี่โรงงานทั้งเล็กและใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง..อาหารที่ทาน
- การจ้างงาน..เมื่อเงินไม่หมุน...ก็ไม่มีจ่าย
- โรงแรม..อะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง..ผู้คนมากมายที่คอยให้บริการ
- การขนส่ง ตั้งแต่...เครื่องบิน..รถไฟ..รถไฟฟ้า..รถทัวร์..รถตู้..รถแท็กซี่

เมื่อทั้งหมดนี้ไม่มีเงินหมุนในระบบ..ก็ไม่มีรายได้ใช่มั๊ยครับ

การแจกเงินคือ...การเลี้ยง..ระบบให้หมุนไปเพื่อรอเวลากลับมาหมุนใหม่

ก็อย่างที่ผมบอกว่า...รอบนี้คือ...รอบใหญ่ในรอบ 100 ปี
มีหลายอย่างมากมายในปัญหาเชิงโครงสร้างของโลก
และ....ไม่มีใครมีประสบการณ์..เพื่อรับปัญหา
เพราะทุกคนมีแต่ประสบการณ์...ขาขึ้น..รอบใหญ่
จึงเชื่อว่า....วิกฤติเกิด...เดี๋ยวก็จบ
เลยแก้ปัญหา...แบบ..เดี๋ยวก็จบ

แต่...ไม่เคยเจอ..วิกฤติแบบ...เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างของระบบ

เราจึงเห็น
...ไอ้โง่..ผู้เรืองปัญญา..ที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้
แต่..เสื..ก...ขยัน...เต็มไปหมด

ก็อย่างที่บอกเสมอ..ไม่ต้องรอเพิ่งใครหรอกครับ

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน..ดีที่สุด

ทวีสุข ธรรมศักดิ์

https://www.facebook.com/%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82-%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C-251902048251841/?__tn__=kC-R&eid=ARBclC3cpSIfAg1jE4paBniz93Ypb0a5D-XIRmlPcHTe9Jwoa0X0awh44xkcaDCP7UZ4Yq7d594QYp-Z&hc_ref=ARSwIFCslFKXrkReZcbbh7KnaGUKwWCykseqMzuaYcsSHrXwvFwPB6v6mGyGtZ25ks4&fref=nf&__xts__%5B0%5D=68.ARAb8syDzPECrKpznPV3ja8D7lB-oKZivVctykGnbyN1Q-TIbUZNbItKmuNCJjRmGWhCzrbJPnYKGP4zhczv4O92c7EiJi8nPXKFAkpV1KM0bp_sIDXvMlz7gI0WMTeGD90TEB89AZX5fJGDeqgq7OMllc590xc9SaP8bt_OVi9EnIR9drZXrsTiB9ayd8zJKRe3savK5rsyBd261e8XigNCg4ISLtnylmZSzvm8VLO0jArOLvyAsvJJsuts2t7wEi4HbVJ6MtTpivUG9RitbHZKERNenckb0J2jo2bnmpnEPMJ4Twg95CYojvvkv3Er96l9_vBZqaJFEenTt2pK74uNOP1hvFXn_bZEQUsWPuvQvXYM3Us
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #271 เมื่อ: มีนาคม 14, 2020, 01:43:25 pm »
วิเคราะห์คดีแชร์ วิธีฟ้องคดีและอายุความในการฟ้อง
August 23, 2017

    ความหมายของการเล่นแชร์

การเล่นแชร์ คือ สัญญาชนิดหนึ่ง มีคู่ความ 2 ฝ่าย คือ นายวงแชร์ ฝ่ายหนึ่ง กับลูกวงแชร์ อีกฝ่ายหนึ่ง ปกตินายวงแชร์จะเป็นบุคคลเดียว ส่วนลูกวงแชร์จะมีหลายคน

    รวมบทความเกี่ยวกับการเล่นแชร์

เปิดคำพิพากษาศาลฎีกาวิเคราะห์ แชร์ล้มผิดฉ้อโกงหรือไม่

วิเคราะห์คดีแชร์ ท้าวแชร์ออนไลน์เปิดแชร์หลายวงมีความผิดหรือไม่ และเลขาวง หรือผู้ช่วยถือเป็นตัวการร่วมหรือไม่

ท้าวแชร์ ตั้งแชร์เกิน 3 วง มีโทษจำคุกหรือไม่

    ประเภทของการเล่นแชร์

ในการเล่นจะกำหนดจำนวนเงินแต่ละงวดและวิธีการประมูลซึ่งวิธีการประมูลมี 2 ประเภท คือ

ประมูลหักดอกเบี้ย เช่น จำนวนเงินแชร์ 10,000 บาท หากลูกวงแชร์ผู้ประมูลให้ผลประโยชน์ 1,500 บาท เป็นดอกเบี้ยซึ่งสูงกว่าลูกวงแชร์อื่น ก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล ลูกวงแชร์ที่ประมูลได้ก็ต้องรับเงินงวดนั้น 8,500 บาท

แต่ถ้าเป็นแชร์ชนิดดอกตาม ลูกวงแชร์ที่ประมูลไม่ได้ก็ต้องชำระเต็ม 10,000 บาท แต่จะได้รับคืนจากผู้ประมูลได้ในภายหลัง

    สิทธิพิเศษของเท้าหรือนายวงแชร์

ปกตินายวงแชร์ได้สิทธิพิเศษ คือได้รับเงินเต็มในเดือนแรก ตามตัวอย่างข้างต้นหากมีผู้เล่น 20 คน ผู้เข้าเล่นหรือลูกวงแชร์จะต้องชำระเงินคนละ 10,000 บาท ให้แก่นายวงแชร์ โดยนายวงแชร์ไม่ต้องเสียดอกแต่มีหน้าที่ที่จะใช้คืนลูกวงแชร์ทุกงวดๆ ละ 10,000 บาท และมีหน้าที่จัดการประมูลและรวบรวมเงินจากลูกวงแชร์ที่ประมูลไม่ได้ มอบให้แก่ผู้ที่ประมูลได้

มีข้อพิจารณาว่าหากผิดสัญญาเล่นแชร์ดังกล่าว คู่สัญญาจะต้องฟ้องคดีภายในกี่ปี เนื่องจากสัญญาเล่นแชร์ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายไว้โดยเฉพาะ จึงต้องปรับข้อเท็จจริงในข้อสัญญาเข้ากับบทบัญญัติเรื่องอายุความ

    กรณีผิดสัญญาเล่นแชร์เกิดขึ้นได้ 4 กรณี คือ

1. นายวงแชร์ผิดสัญญาไม่รวบรวมเงินมอบให้แก่ลูกวงแชร์ซึ่งประมูลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3882/2530 โจทก์ตกลงเล่นแชร์กับจำเลย จำเลยเป็นนายวงแชร์ เมื่อลูกวงแชร์คนใดเปียแชร์ได้จะได้รับเช็คจากจำเลยซึ่งเก็บมาจากลูกวงแชร์ทุกคนโดยจำเลยลงชื่อสลักหลังและรับผิดชอบกรณีเช็คดังกล่าวเรียกเก็บเงินไม่ได้ โจทก์เปียแชร์ได้และนำเช็คที่ได้รับจากจำเลยบางฉบับไปชำระหนี้แก่ ก. แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ต่อมา ก. ถึงแก่กรรม ว. ภริยา ก. ฟ้องจำเลยในฐานะผู้สลักหลังให้ชำระเงินตามเช็ค ศาลพิพากษายกฟ้อง โจทก์ชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่ ว. ไป เช่นนี้ ถือว่าโจทก์ยังไม่ได้รับเงินค่าแชร์ตามเช็คดังกล่าวจำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ตามข้อตกลงในการเล่นแชร์ และอายุความของสิทธิเรียกร้องในกรณีผิดสัญญาเล่นแชร์นี้มีกำหนดสิบปี การที่โจทก์จำเลยมีข้อตกลงกันให้โจทก์นำเช็คที่ได้รับจากการเล่นแชร์ไปเรียกเก็บเงินดังกล่าวนั้นไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ และโจทก์มิใช่คู่ความในคดีที่ ว.ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลย ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีที่ ว. ฟ้องจำเลยดังกล่าว

2. ลูกวงแชร์ผิดสัญญาไม่ชำระเงินค่างวดให้แก่นายวงแชร์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2480 สัญญากู้เงินในเรื่องเล่นแชร์วิธีกำหนดเวลาที่ลูกวงจะต้องนำเงินส่งให้นายวงเป็นงวดๆ นั้น มีกำหนดอายุความฟ้องร้องเพียง 5 ปี นอกจากนี้ยังมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2516 และ 284/2516

3. ลูกวงแชร์ผิดสัญญากันเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2013/2537 มูลหนี้ตามฟ้องโจทก์ไม่ใช่มูลหนี้การกู้ยืมเงินตามความหมายของ พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯ การที่โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี รวมอยู่ในมูลหนี้ จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว มูลหนี้เดิมเกิดจากจำเลยที่ 1 ร่วมเล่นแชร์กับโจทก์แล้วจำเลยที่ 1 ออกเช็คชำระหนี้ค่าแชร์ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คถือว่าโจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้ค่าแชร์ การชำระหนี้ด้วยเช็คเช่นนี้ไม่ใช่การแปลงหนี้ใหม่ โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสามรับผิดตามหนังสือรับสภาพหนี้จึงอาศัยมูลหนี้เดิมตามสัญญาการเล่นแชร์หาได้ฟ้องให้รับผิดตามเช็คไม่ อายุความเกี่ยวกับการฟ้องเรียกเงินค่าแชร์ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะจึงมีกำหนด 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 เดิม (มาตรา 193/30 ใหม่) เมื่อนับตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2525 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยทั้งสามชำระหนี้บางส่วนให้โจทก์ครั้งสุดท้าย และเป็นวันที่โจทก์อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไปถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2530 ซึ่งเป็นวันฟ้องยังไม่พ้นกำหนด 10 ปี คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

4. กรณีลูกวงแชร์ผิดสัญญา นายวงแชร์ชำระหนี้แทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1553/2537 โจทก์เล่นแชร์กับจำเลยโดยโจทก์เป็นนายวง จำเลยประมูลแชร์ได้และออกเช็คให้แก่ลูกวงคนอื่นๆ ไว้ เมื่อเช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้ โจทก์ในฐานะนายวงได้ชำระเงินตามเช็คไปแล้ว โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยอันเป็นการเรียกเงินที่ออกทดรองไปก่อนคืน สิทธิเรียกร้องเช่นนี้ไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะจึงมีกำหนด 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 3 กรณีแรกมีข้อสัญญาที่เหมือนกันอยู่ 2 กรณี คือ กรณีที่นายวงแชร์ผิดสัญญากับลูกวงแชร์ และลูกวงแชร์ผิดสัญญากันเอง กล่าวคือ ผู้ที่ผิดสัญญามีหน้าที่รับผิดชอบชำระหนี้ให้แก่อีกฝ่ายเพียงครั้งเดียว ส่วนกรณีลูกวงแชร์ผิดสัญญาต่อนายวงแชร์ กรณีนี้ลูกวงแชร์มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะชำระเป็นงวดๆ อายุความจึงต่างกัน ศิริชัย วัฒนโยธิน


มีปัญหาคดีความปรึกษาทีมงานทนายกฤษดา

0891427773 ไลน์ไอดี Lawyers.in.th

ที่มา https://www.lawyers.in.th/2017/08/23/law-chain-link-cases/?fbclid=IwAR24kgCoPmOu7yqZOZK-jdShs_rdX4LM_SytQeDnNrcYBuDt8f-gLewLfgI
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #272 เมื่อ: เมษายน 12, 2020, 11:30:57 am »
ขอให้ทุกท่าน  #ระมัดระวังตนเอง และ #ระมัดระวังครอบครัว  กันให้มากๆ
.
เชื้อโรคนี้ เป็น #เชื้อโรคใหม่  ที่โลกนี้พึ่งได้พบเจอ
.
ขอให้ทำตาม #มาตรการที่ทางการแพทย์ แจ้งมาให้ปฎิบัติตาม
.
ย้ำว่า #เชื้อCovid19  ไม่มีวันหายไปจากโลกนี้
.
เชื้อCovid-19 ยังคงอยู่กับมนุษย์และโลกนี้ตราบนิรันดร์
.
เพียงแต่มนุษย์เราจะควบคุมเชื้อโรคนี้ได้มากน้อยแค่ไหน
.
อีกเรื่อง  หลังจาก #วิกฤตการCovid19 ผ่านพ้นไป
.
#ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย และ #ระบบเศรษฐกิจของโลก จะ #เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
.
ต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงนี้ให้ดีๆ  ปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง
.
เรื่องสุดท้าย  วิกฤตในครั้งนี้  ในความเห็นส่วนตัวผมคือ #สงครามโลกครั้งที่3  เป็นสงครามโลกระหว่าง #มนุษยชาติ กับ #เชื้อโรค
.
เราทุกคน ต้อง #ร่วมมือ #ร่วมใจ กันฝ่าฟันให้พ้นจากสงครามโลกในครั้งนี้ไปด้วยกัน
.
.
.฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿
.
.
“COVID-19” ไวรัส "ฆ่า" ไม่ตาย? | 11 เม.ย. 63 | TNN ข่าวดึก
https://www.youtube.com/watch?v=cSexpSxfkCg

TNN ช่อง 16 11 เม.ย. 2020
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #273 เมื่อ: เมษายน 15, 2020, 04:30:08 am »
ฟ้องคดีผู้บริโภคไม่ต้องใช้ทนาย...ทำได้จริง!
.
เขียนโดย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค วันที่ 14 เมษายน 2563.
.
ฟ้องคดีผู้บริโภคไม่ต้องใช้ทนาย : กรณีตัวอย่าง ฟ้องร้านทองเอาเปรียบ รับซื้อทองราคาต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด
.
          หลายคนมักมีความเชื่อว่า การฟ้องศาลเป็นเรื่องยุ่งยาก ต้องใช้เงินเยอะ  แถมใช้เวลานาน  ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นความจริง แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กฎหมายก็ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น  นั้นคือ “พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551” โดยจุดเด่นของกฎหมายฉบับนี้ คือ ช่วยให้ผู้บริโภคที่เป็นผู้เสียหายสามารถฟ้องคดีได้เอง กล่าวคือ เมื่อถูกละเมิดสิทธิ สามารถเอาหลักฐานที่มีไปศาล ฟ้องด้วยวาจาได้ ไม่จำเป็นต้องมีทนาย ซึ่งจะมีเจ้าพนักงานคดีเป็นผู้ทำบันทึกรายละเอียดของคำฟ้อง จากนั้นให้ผู้บริโภคในฐานะโจทก์ลงลายมือชื่อรับรอง ซึ่งโจทก์จะมีการยื่นหลักฐานพยานแนบมาพร้อมคำฟ้องด้วย เช่น หนังสือรับรองบริษัท เอกสารเกี่ยวกับสัญญา ใบเสร็จ ภาพแคปเจอร์จากแชทสนทนา ภาพรูปถ่ายสินค้า ภาพคำสัญญาหรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
.
          นอกจากนี้ ยังมีข้อดีอีกหลายประการ เช่น ผู้บริโภคยังได้รับการยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องคดี ผ่อนคลายเรื่องหลักฐานเป็นหนังสือ อายุความยาวกว่าคดีแพ่งทั่วไป ไม่เคร่งครัดกระบวนการพิจารณา ภาระการพิสูจน์เป็นของผู้ประกอบการศาลพิพากษาเกินคำขอได้ เป็นต้น

.
ทำได้จริง ตัวอย่างฟ้องร้านทองเอาเปรียบ รับซื้อทองราคาต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด
.
แม้เราจะทำความเข้าใจกฎหมายบ้างแล้ว เห็นข้อดีหลายอย่าง หลายคนคงอยากทราบว่าแล้วเคยมีใครไปฟ้องคดีเองบ้าง จึงขอยกตัวอย่างกรณีน่าสนใจของ “คุณภัทรกร ทีปบุญรัตน์” ผู้บริโภคที่มีความสตรองในการพิทักษ์สิทธิของตนเอง และเห็นปัญหาว่าเรื่องผู้บริโภคไม่ใช่ปัญหาของใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่อาจเกิดได้กับผู้บริโภคอื่นๆ เนื่องจากเขามองว่าเวลาที่ผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการก็ไม่ได้ทำกับแค่คนใดคนหนึ่ง ดังนั้น หากฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคก็น่าจะช่วยเหลือตนเองและคนอื่นๆ ได้ มีคดีที่เป็นตัวอย่าง และหากคดีตัวอย่างนี้ชนะ ผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนคำสั่งจะได้ไม่ทำพฤติกรรมดังกล่าวอีก
.
สำหรับจุดเริ่มต้นในการฟ้องคดี เริ่มจากเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 บุคคลใกล้ชิดในครอบครัวได้ไปซื้อทองรูปพรรณจากร้านทองแห่งหนึ่ง ต่อมาวันที่ 7 เมษายน 2563 คนใกล้ชิดต้องการเงินสดไว้ใช้จ่ายในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อโควิด-19 จึงนำทองรูปพรรณไปขายคืนให้กับร้านทองร้านเดิมที่เคยซื้อมา เพื่อเเปลงเป็นเงินสด แต่กลับพบว่า ร้านดังกล่าวรับซื้อทองในราคา 22,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าที่สมาคมค้าทองคำประกาศ คือ 24,741.12 บาท อีกทั้งพนักงานขายและร้านทองก็ไม่ได้แสดงราคารับซื้อที่ถูกต้องไว้ที่หน้าร้านอีกด้วย คุณภัทรกรเห็นว่าการกระทำแบบนี้เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายตามประกาศของสำนักกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ดังนั้น เมื่อเห็นว่าถูกเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาจึงติดต่อกลับไปที่ร้านทองเพื่อขอเลิกสัญญา โดยจะส่งมอบเงินสดเพื่อขอทองรูปพรรณคืน  ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกันได้นำทองรูปพรรณไปขายใหม่ แต่ได้รับการปฎิเสธรับซื้อในราคาตามประกาศรับซื้อของสมาคมค้าทองคำ จากนั้นจึงได้รวบรวมเอกสารหลักฐานและไปยื่นฟ้องต่อศาลเป็นคดีผู้บริโภคด้วยตนเอง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม
.
ในสถานการณ์ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาด เขามองว่า น่าจะมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่นำทองคำไปขาย เพราะต้องการสำรองเงินสดไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่อาจจะไม่ได้ตรวจสอบราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ขณะที่ร้านทองหลายแห่งก็รับซื้อทองในราคาที่ต่ำว่าประกาศของสมาคมค้าทองคำ ทั้งที่กฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่า ‘ร้านทองต้อง ซื้อ - ขายทองตามราคาที่สมาคมค้าทองคำประกาศ’ เขาคิดว่าการฟ้องคดีเป็นคดีผู้บริโภคน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคโดยรวมได้
.
นอกจากนี้ เขายังตัดสินใจฟ้องคดีโดยไม่ใช้ทนายอีกด้วย เนื่องจากทราบมาว่าหากผู้บริโภคถูกละเมิดสิทธิ สามารถไปใช้สิทธิทางศาลได้ด้วยตัวเอง โดยไปให้ถ้อยแถลงด้วยวาจาต่อนิติกรของศาลได้ ด้วยสาเหตุนี้จึงฟ้องเพื่อเป็นกรณีตัวอย่างให้กับผู้บริโภครายอื่นๆ ได้ทราบว่าหากถูกละเมิดสิทธิ สามารถฟ้องคดีได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องมีทนายก็ได้ อย่างไรก็ตาม การฟ้องคดีในช่วงที่ไวรัสกำลังระบาดก็ทำให้มีข้อจำกัดในการให้ถ้อยแถลง จึงต้องกลับมาเขียนถ้อยแถลงด้วยตัวเองและส่งให้นิติกรแก้ไขให้ ซึ่งก็ได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดี จนสามารถยื่นฟ้องได้ในวันที่ 9 เมษายน 2563 เป็นคดีผู้บริโภคเลขที่ ผบ1453/63
.
ล่าสุด (14 เมษายน 2563) เขายังไปใช้สิทธิทางอาญา แจ้งเรื่องร้องเรียนที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเอาโทษทางอาญาต่อร้านทอง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มาตรา 29 ที่กำหนดว่า “ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจดําเนินการใดๆ จงใจที่จะทําให้ราคาต่ำเกินสมควรหรือสูงเกินสมควร หรือทําให้ปั่นป่วนซึ่งราคาสินค้าหรือบริการใด” เพื่อให้ร้านทองที่เคยเอาเปรียบเขา และรวมถึงร้านที่ปัจจุบันยังมีการรับซื้อทองในราคาต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดได้รับรู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นผิดและมีบทลงโทษจริงๆ
.
ทั้งนี้ คุณภัทรกรฝากเตือนมาว่า ใครที่จะนำทองไปแปรเป็นเงินสด ให้ติดตามราคาจากประกาศสมาคมค้าทองคำ และซื้อขายทองกับร้านที่ยึดราคาตามประกาศฯ เท่านั้น เพื่อเป็นการรักษาสิทธิของตัวเอง
.
https://www.consumerthai.org/news-consumerthai/consumers-news/product-and-other/4457-630414_consumer-protection.html?fbclid=IwAR1SiumSbCsAXUk2kwphFHAs_3ezSMzbqtVP56JBMLGCw167BdLrkRhumfA
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #274 เมื่อ: เมษายน 25, 2020, 11:05:37 am »
เคยเรียนในลักษณะนี้มาก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว

พอมาอ่านเจอ ก็เลยอยากนำมาลงให้ทุกท่านได้อ่านกัน

อ่านแล้วคิดกันครับว่า ในอนาคต เราจะทำงานอย่างไร
.
.
.
.
.฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿
.
.
.
.
อีกสอง สามปี ข้างหน้า คน 4 ประเภท จะหางานทำยาก มากขึ้น หากไม่ปรับตัว
.
เตรียมพร้อมกันหรือยัง…? อีกสองถึงสามปี ข้างหน้าชัดเจน ขึ้นแน่นอน
.
ยุค 2 G ถือกำเนิดทำให้..โทรเลขเลิกใช้ถาวร
.
ต่อมา 3 G ถือกำเนิดทำให้..Email มาแทนที่จดหมาย โทรศัพท์บ้าน หดหาย

ปัจจุบัน 4 G ก่อให้เกิดอะไรใหม่ๆ มากขึ้นส่วนสิงเก่าๆ ก็ถูกลืมไว้ข้างหลัง
.

การดูวีดิโอผ่านออนไลน์ ทำให้ ทีวีหลายๆ ช่องปิดตัวลง
.
ค้าขายออนไลน์ ได้รับความนิยม แต่ห้างสรรพสินค้า กลับยอดขายตก
.
เร็วๆนี้ 5 G กำลังเกิดขึ้น
.

มาพร้อมกับ Block chain, Fintech , Digital Business , A I และจักรกล ที่มาแทนที่คน จักรกล และ ปัญญาประดิษฐ์
.
สิ่งเหล่านี้ จะเข้ามาแทนในสิ่งที่เรา คิดไม่ถึง มากอย่าง ไม่น่าเชื่อ และการที่ไม่เชื่อ ว่าจะมาแทนขนาดนั้น ก็เหมือนกับ ที่รุ่นพ่อแม่
.
เราไม่คิดว่าโลกทุก อย่างจะมารวม ในมือถือเ ครื่องเดียว ได้ขนาดนี้
.
คำกล่าวที่ว่า…ในอนาคตอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้างาน 50% ของมนุษย์ จะถูกแทนที่ ด้วยหุ่นยนต์ หรืออีกความหมายหนึ่ง ก็คือ
.
ใน 10 ปีต่อไป คนกว่าครึ่ง จะตกงาน เมื่อก่อน เราอาจนึกภาพไม่ออก แต่เมื่อนานวันเข้าเรื่องเหล่านี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
.
และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น เร็วกว่าที่คิด เพราะในช่วงปี สองปี ที่ผ่านมาเรา ต่างเห็นบริษัทต่างๆ ทยอยปลดพนักงาน ออกลดจำนวนพนักงาน
.
ลงเพื่อ ลดรายจ่ายไม่รับพนักงานใหม่ เพิ่มพนักงาน ที่ได้อยู่ต่อ ก็ต้องทำงาน หนักมากขึ้น
.
บางครั้งต้อง ทำงานแทน ตำแหน่งคนที่ออกไป ด้วยและบางบริษัทก็เริ่มแทนที่พนักงาน ด้วยเครื่องจักร
.
อย่าคิดว่า เรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องไกลตัวเพราะ ในหลายๆประเทศ ที่พัฒนาแล้ว เริ่มทยอยปรับโครงสร้าง
.
องค์กรครั้งใหญ่ เมื่อทั้งโลกเริ่มขยับ ในไม่ช้าเราก็คงต้องปรับตัว ตามส่วนคนที่ไม่ปรับตัว ตามก็อาจถูกทิ้งไว้ ข้างหลัง
.
.
.
คน 4 ประเภทที่จะตกงาน และอยู่ยาก ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
.
.
ประเภทที่ 1 คนที่ทำงาน แบบเดิมๆซ้ำๆ
.
พนักงาน ที่ต้องทำงานแบบเดิมซ้ำๆ เช่นแพคของประกอบชิ้นส่วน พนักงานต้อนรับ คนรับออเดอร์ เช็คคลังสินค้า เช็คสต๊อค
.
ของงานที่อาศัย แค่การจับวาง ให้เข้าที่งาน ที่ทำอะไรเดิมๆ ซ้ำๆ ไม่ได้อาศัย การคิดวิเคราห์ หรือการตัดสินใจใดๆ
.
เรียกว่าทำงานด้านเดียว คล้ายๆ หุ่นยนต์จึงไม่แปลกเลย หากจะถูกแทน ที่ด้วยหุ่นยนต์จริงๆ
.
เพราะในมุมมอง ของนายจ้างหุ่นยนต์ ไม่ขาดลา มาสาย ไม่บ่น ไม่หยุดงานประท้วง ไม่เรียกร้องขึ้นเงินเดือน ไม่เรียกร้อง สวัสดิการเพิ่ม
.
.
.
ประเภทที่ 2 คนที่นอกเหนือจาก 8 ชั่วโมง ไม่เรียนรู้
.
มีเพื่อนผมคนหนึ่ง ทำงานที่โกดังสินค้า เป็นงานง่ายๆ แค่เช็คจำนวนสินค้า ในคลังเป็นเหมือนงาน ที่จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์
.
ในอนาคต แต่เมื่อทำงาน ปีแรกเขาก็ค้นพบ ว่ามีสินค้าบางชนิด ที่ถูกสต๊อคเอาไว้ ในคลังและ ถูกจัดส่ง เป็นจำนวนมาก
.
เขาไปค้นหา ข้อมูลต่อ และพบว่าสินค้าชนิดนี้ เป็นที่ต้องการของตลาดมาก ด้วยความที่อยู่ ในวงการนี้ อยู่แล้ว
.
เขาเริ่ม เกิดไอเดีย…มองหาแหล่ง ผลิตที่ต้นทุนถูกได้ และเริ่มนำมาลง หน้าเว็ปเพื่อขายออนไลน์ ผ่านไป 3 ปีธุรกิจขยายตัว อย่างรวดเร็ว
.
ปีที่ 5 เขาก็เปิดบริษัท ของตัวเอง ตลอดระยะเวลาแห่งงาน เปลี่ยนแปลง สิ่งที่เขาไม่เคย หยุดทำก็คือ ใช้เวลานอกเหนือจาก 8 ชั่วโมง
.
ในการเรียนรู้ ยุคสมัยนี้ เป็นยุคแห่งการเรียนรู้ ความรู้เติบโต ขึ้นในอัตราที่ก้าวกระโดด ทุกคนมีอินเตอร์เน็ต
.
สามารถเข้าถึงความรู้ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว แค่ปลายนิ้ว อยู่ที่ว่าคุณจะใช้โอกาส ที่มีไขว่คว้า หรือนั่งรอ วันถูกแทนที่
.
.
.
ประเภทที่ 3 คนที่ร่วมงานกับคนอื่นไม่เป็น
.
ถ้ามีโจทย์ว่า ปล่อยมนุษย์ 1 คนไว้ในป่า กับลิง 1 ตัวไว้ในป่า คุณคิดว่าใครจะเอา ตัวรอดในป่า ได้นานกว่ากัน แน่นอนต้องเป็นลิง
.
แต่ ถ้าเปลี่ยนโจทย์เป็น…ปล่อยมนุษย์ 10 คนไว้ในป่า กับลิง 10 ตัว ไว้ในป่า คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น
.
เมื่อเวลาผ่านไป หลายร้อยปี มนุษย์ 10 คนสามารถสร้างสรรค์ อารยธรรม ให้เกิดขึ้นได้ แน่นอน
.
ทีนี้ เห็นภาพหรือยัง ทีมเวิร์คที่ดี นี่แหละ ที่ทำให้มนุษย์เหนือกว่า หุ่นยนต์ การร่วมมือกันการทำงาน เป็นทีม
.
และการ รู้จักปรับตัว ให้ทำงานร่วมกัน ได้เป็นทักษะ ที่ทำให้มนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิต ที่พัฒนา ไปได้ไกลกว่า สิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ บนโลก
.
.
.
ประเภทที่ 4 คนที่ไม่เข้าใจ การลงทุนในตัวเอง
.
ถ้าเราเก็บเงินได้ 1 แสนต่อปีภายใน 10 ปีเก็บได้ 1 ล้านนี่คือเก่งหรอ ไม่ใช่ เพราะเมื่อคุณใช้เวลา 10 ปี
.
ถึงจะเก็บเงินได้ 1 ล้าน คนอื่นอาจจะใช้ เวลาแค่ปีเดียว ยิ่งคุณอายุยังน้อย ยิ่งต้องรู้จักการลงทุน เพราะมันจะเป็นเครื่องทุ่นแรง
.
ให้คุนไม่ต้องเหนื่อย ทำงาน ในอนาคต เมื่อคุณเริ่มลงทุน กับตัวเอง บางคน ออกเดินทางเที่ยวรอบโลก
.
“ไปเจอธุรกิจใหม่ๆ ที่น่าสนใจใน ต่างประเทศ แต่ในบ้านเรา ยังไม่มีก็นำไอเดียกลับมาต่อ ยอดเป็นธุรกิจ ของตัวเอง
.
บางคน ”ไปเรียนคอส การขายเสริมหลัง เลิกงาน “ อาจไม่ได้รวย ในทันที แต่การได้ทำความรู้
.
จักคนมากมายก็นำพาโอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิตได้เหมือนกัน
.
บางคน..”ไปเข้าฟิตเนส ออกกำลังกาย“ จนค้นพบช่องทางธุรกิจ เปิดยิมขายอาหารเสริม สำหรับคนรักสุขภาพ
.
หลายปีผ่านไป คุณจะพบว่าเงิน ที่คุณใช้ไป ทำให้คุณค่าของตัวเอง เพิ่มขึ้นคุณได้ คืนกลับมาหลายเท่า
.
จะเห็นว่า ตัวอย่างที่หยิบยกมานั้น ไม่ได้เจาะจง ถึงอาชีพใด เพราะทุกอาชีพล้วน มีโอกาสตกงานได้ทั้งนั้น
.
แต่ยกตัวอย่า งให้เห็นถึงทัศนะ คติที่จะเป็นสิ่งตัดสิน ว่าคุณจะถูกแทนที่หรือได้ไปต่อ
.
เมื่อก่อนปลาใหญ่กินปลาเล็ก ตอนนี้ ต้องเปลี่ยนเป็นปลาเร็วกินปลาช้า สิ่งใหม่ๆ ที่ปรากฏขึ้น
.
มักมาพร้อมกับโอกาส ทางธุรกิจ แต่เมื่อโอกาสผ่านไป คนที่ช้าก็จะไม่มีทางได้สัมผัส
.
ในยุคนี้ พวกเราต้องมีสัญชาตญาณ ของวิกฤตค้นหา และแก้ไข้ข้อบกพร่อง ของตัวเองอย่างทันท่วงที
.
เพื่อที่จะพัฒนาต่อไป ในทิศทางที่ดี ยิ่งขึ้นสิ่งใหม่ๆ ที่ปรากฏขึ้น มักมาพร้อมกับ โอกาสทางธุรกิจ
.
แต่เมื่อโอกาสผ่านไป คุณจะพบว่า คุณถูกคนอื่นๆ ทิ้งไว้ข้างหลังแล้ว
.
เหมือนที่เราเริ่ม เห็นกันแล้ว ในทุกวันนี้ แท็กซี่ที่ไม่ซื่อสัตย์ จะถูก อูเบอร์ แย่งงาน
.
พนักงานที่ไม่ขยัน และไม่พัฒนาตัวเอง จะถูกหุ่นยนต์ เข้ามาแทนที่
.
เถ้าแก่ ที่ไม่ขยันจะถูกแย่งตลาด โดยคู่แข่งที่ขยัน และเก่งกว่า
.
แหล่งที่มา : bitcoretech
.
ที่มา stand-smiling.com/อีกสอง-สามปี-ข้างหน้า-คน-4
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #275 เมื่อ: เมษายน 26, 2020, 03:32:10 pm »
ผมว่า ไม่ใช่แค่ธุรกิจร้านอาหารเท่านั้น
.
ธุรกิจอื่นๆ  ก็จะประสบกับการดำเนินธุรกิจเช่นกัน
.
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจท่องเที่ยว , ธุรกิจโรงแรม  ฯลฯ
.
หรือแม้กระทั่ง การดำรงชีวิตของตนเอง
.
ในความเห็นส่วนตัวผม  กว่าธุรกิจ และ ระบบเศรษฐกิจ ในประเทศไทย กว่าจะฟื้นตัว กลับมาอยู่ในสภาวะปกติ น่าจะใช้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี คือ จะเริ่มดีขึ้นในปี 2566
.
ประคองตัวเองกันไปให้ได้  ด้วย ความปราถนาดี
.
ลองไปอ่านกันดู ครับ  จะได้เป็นแนวทางในการดำรงชีวิต และ แนวทางในการดำเนินธุรกิจของตนเอง
.
.
.*****************************************
.
.
บทเรียนจาก “อู่ฮั่น” แม้เปิดเมืองแล้ว ก็ยังไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร
.
ByBoom @BillionMinset
.23 April 2020
.
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่นำมาซึ่งมาตรการปิดเมืองต่างๆ นั้น ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลก
.
และถึงแม้ว่าจะกลับมาเปิดเมืองตามปกติ แต่ก็ใช่ว่าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ จะกลับมาเป็นปกติโดยทันที
.
เราจะพาคุณไปเรียนรู้จากเมืองอู่ฮั่น เมืองแรกของโลกที่โดนสั่งปิดเพราะโรคระบาดครั้งนี้..
.
ในความเป็นปกติ ที่ไม่ปกติ
.
หลังจาก 2 เดือนกว่าๆ ของการล็อกดาวน์ ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เมืองอู่ฮั่นก็ได้กลับมาเปิดอีกครั้ง
.
ในขณะที่โรงพยาบาลสนามที่สร้างมาพิเศษ ได้ทยอยปิดตัวลง
.
ผู้คนเริ่มเดินทางไปไหนมาไหน ออกมาจับจ่ายใช้สอย พนักงานกลับมาทำงาน โรงงานก็กลับมาเปิดอีกครั้ง
.
แต่เพราะโควิด-19 ได้คร่าชีวิตชาวอู่ฮั่นไปประมาณ 2,500 ราย
.
ผู้คนจึงยังคงใช้ชีวิตแบบ “รักษาระยะห่าง” เป็นเรื่องปกติ
.
การใส่หน้ากากอนามัยกลายเป็นเรื่องปกติ

การตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าร้านค้า หรือก่อนเข้าทำงานกลายมาเป็นเรื่องปกติ
.
และเมืองอู่ฮั่นก็ยังคงเหมือนกับหลายๆ เมืองทั่วโลก นั่นก็คือผู้คนใช้ชีวิตแบบระมัดระวัง เพราะกลัวว่าโรคระบาดอาจจะกลับมาระบาดหนักขึ้นอีกครั้ง
.
ร้านอาหาร ธุรกิจที่ยังคงได้รับผลกระทบ
.
หลายคนอาจจะคิดว่า เมื่อกลับมาเปิดเมือง ธุรกิจอาหารที่ประสบปัญหาด้านยอดขาย จะมีลูกค้ากลับมากินกันอย่างคับคั่ง
.
ร้านหมูกะทะ ร้านชาบู จะต้องเนืองแน่นไปด้วยผู้คนซึ่งรอคอยวันเปิดเมืองมาโดยตลอด.. แต่มันจะเป็นแบบนั้นจริงหรือ!?
.
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ตามไปสัมภาษณ์ชีวิตของเจ้าของร้านหม้อไฟรายหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งมีร้านเปิดกว่า 10 สาขา
.
เมื่อเกิดการปิดเมือง ร้านทั้งหมดของเขาได้รับผลกระทบทันที เขาต้องตัดสินใจปิด 7 สาขารอง และเปิดเพียง 3 สาขาใหญ่ เพื่อทำตลาดแบบเดลิเวอรี่
.
แม้จะมีบริการเดลิเวอรี่มาช่วยอำนวยความสะดวก แต่ก็ยังคงทำยอดขายได้ประมาณ 20% ของยอดขายในช่วงปกติเท่านั้น
.
จนกระทั่งเมืองอู่ฮั่นกลับมาเปิดอีกครั้ง ก็ใช่ว่าลูกค้าจะกลับมาในทันทีทันใด
.
ธุรกิจร้านอาหารยังคงได้รับผลกระทบ เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากก่อนโรคระบาด
.
จากเดิมที่ตอนพักเที่ยงจะไปแออัดกันในร้านอาหารแถวออฟฟิศ มาถึงตอนนี้พวกเขาทำกับข้าวมาทานเองมากขึ้น บ้างก็ใช้วิธีสั่งเดลิเวอรี่จากร้านอื่นที่ไกลกว่ามาทานได้
.
โดยเฉพาะกับธุรกิจร้านหม้อไฟ ชาบู ปิ้งย่าง ที่อาจจะต้องเสี่ยงกับการทานอาหารสุกๆ ดิบๆ เสี่ยงกับการไปตักวัตถุดิบที่ปนเปื้อนร่วมกับคนอื่น
.
ก่อนหน้าการระบาด ลูกค้าในเมืองอู่ฮั่นที่จะมากินร้านหม้อไฟแห่งนี้ในช่วงเวลาอาหารเย็น ต้องรอคิวประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ตอนนี้มันกลับดูเงียบเหงาลงอย่างชัดเจน
.
ย้อนกลับมามองที่ประเทศไทย
.
ธุรกิจที่สร้างรายได้ให้ไทยอย่างเป็นกอบเป็นกำ นั่นก็คือ “การท่องเที่ยว” และ “การส่งออก”
.
แม้ในไทยโรคโควิด-19 จะไม่ระบาดรุนแรง แต่ก็ระบาดรุนแรงมากทั้งในจีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกา จึงน่าจะส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยวไทยและการส่งออกของไทยอย่างมหาศาล
.
แม้ธนาคารโลกจะประเมินไว้ว่า ผลกระทบจากโควิดทำให้ปีนี้การเติบโตทางเศรษฐกิจไทย อาจติดลบได้ถึง -5% แล้วมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นในปีหน้า
.
แต่เราก็ไม่สามารถรู้ว่า ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงในเร็ววัน ไทยเราจะฟื้นตัวในปีหน้าได้จริงหรือไม่!?
.
กลับมาที่เรื่องของการเปิดเมือง ยอดผู้ติดเชื้อของไทยที่อยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้ดี หลังจากนี้เราอาจจะได้เห็นมาตรการที่ผ่อนคลายลง
.
และถึงแม้จะผ่อนคลายถึงขั้น “อนุญาตเปิดทุกอย่างได้” แต่โรคระบาดก็ยังคงไม่หายไป เช่นเดียวกับความกังวลของผู้คนในสังคม ก็ยังคงมีอยู่เช่นกัน
.
โดยเฉพาะกับธุรกิจร้านอาหาร หรือสถานบันเทิง ที่จะต้องมีคนเข้าไปแออัดกันในสถานที่แห่งเดียว คงจะเป็นงานเหนื่อยของเจ้าของธุรกิจ ที่จะต้องหาวิธีในการสร้างความเชื่อมั่นกลับมาอีกครั้ง
.
คุณคิดว่า.. หลังจากกลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้ว ร้านอาหารเป็นอย่างไร!?
.
ร้านจะต้องลดจำนวนโต๊ะลง เพื่อเพิ่มที่ว่างภายในร้านให้มากยิ่งขึ้นรึเปล่า!?
.
ร้านที่ขายแบบกลับบ้าน อาจจะได้รับความนิยมมากขึ้น ขณะที่ร้านแบบปิด จะได้รับความนิยมน้อยลงหรือไม่!?
.
หรือการเดลิเวอรี่ โดยไม่ต้องสนใจหน้าร้านเลย จะกลายมาเป็นอีกรูปแบบใหม่ของการเปิดร้านอาหารในอนาคตได้หรือไม่!?
.
คุณมีความคิดเห็นอย่างไร มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกันครับ…
.
ที่มา https://www.billionmindset.com/case-study-from-restaurant-in-wuhan/?fbclid=IwAR1yNIbXK8jjQYDmPMJrycUNKXNJNnIEamRZRCVCFDaD8tA5D0qcgBjy4Qo
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #276 เมื่อ: เมษายน 28, 2020, 08:01:08 pm »
ผมอยากให้ทุกคน  คิด #วางแผนทางการเงิน , #การทำงานของตนเอง และ #การดำรงชีวิตในทุกๆด้านให้ดีๆ
.
ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือ ต้องศึกษาและเรียนรู้ให้เท่าทันกับการวิวัฒนาการทางการเงินของโลก
.
เช่น #บล็อกเชน (#blockchain)  ,   #แอปพลิเคชัน ต่างๆ  (#application) , #ระบบงานต่างๆของสถาบันการเงิน ที่จะไปเกี่ยวของกับ #การทำธุรกิจ ต่างๆ ไม่ว่าเป็น #ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือ ขนาดใหญ่ , #การค้าขาย หรือ #การใช้แรงงาน เป็นต้น
.
เพราะปัจจุบันนี้  มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก   ในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการทำงานมากขึ้นไปอีก
.
#เรียนรู้ให้สิ่งเหล่านี้ที่ผมบอกไปข้างต้น  #ให้มาทำงานให้ตัวเรา
และ #ให้เงินทำงานแทนตัวเรา
.
ด้วยความปรารถนาดี
.
.
.*************************************
.
.
โพสโดย นายปั้นเงิน
วันที่ 27 เมษายน 2563 เวลา 18:13 น. ·

วิกฤตโรคระบาด “COVID-19” น่าจะเป็นวิกฤตการเงินที่คนวัย 23-30 ปีหรือกลุ่ม First Jobber ได้รับผลกระทบกับตัวเองเป็นครั้งแรก
.
เพราะวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ที่ผ่านมา อย่างต้มยำกุ้ง ปี 1997 หรือ Subprime Crisis ปี 2008 อาจจะเป็นวิกฤตที่ First Jobber รู้จัก แต่ผลกระทบจากวิกฤตการเงินในยุคก่อนหน้าไม่ได้เกิดขึ้นกับคนกลุ่มนี้โดยตรง
.
แม้ COVID-19 จะเป็นการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 100 ปี แต่สำหรับคนอายุ 25-30 ปีแล้ว โรคระบาดชนิดนี้ไม่ได้มีฤทธิ์ร้ายทำให้วัยหนุ่มสาวต้องเจ็บป่วยจนถึงขั้นวิกฤต
.
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ ความเสียหายที่รุนแรงในวงกว้าง COVID-19 เป็นพายุลูกใหญ่ที่เกิดขึ้นกับชีวิต แบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน
.
แค่อยู่ร่วมกับวิกฤตและเอาตัวรอดให้ได้ในสภาวะนี้ ผมคิดว่าหลายคนก็พยายามสู้กันอย่างเต็มที่แล้ว...
.
ซึ่งผมคิดว่าหลังจากนี้ คนที่รอดมาได้ ก็คงจะใช้ชีวิตอย่างรอบคอบขึ้นกว่าเดิม
.
และหลายคนก็คงเริ่มคิดถึง แผนการรับมือ และ แผนการฉุกเฉิน กันบ้างแล้วล่ะ
.

.
ในสถานการณ์จริง ผมคิดว่า “แผนการรับมือ” จะถูกนำมาใช้กับเหตุการณ์หรือวิกฤตในอนาคตที่มันมีความเสี่ยงจะเกิดขึ้น และเราคาดการณ์มันไว้ล่วงหน้าแล้ว
.
ถ้าตอนปลายปี 2019 ผมบอกทุกคนว่า “โควิด-19” จะกลายมาเป็นโรคระบาดรุนแรงในเดือนมกรา 2020 แล้วสมมติว่าทุกคนเชื่อผม ทุกคนก็จะเตรียมแผนรับมือผลเสียหายล่วงหน้า ใครกังวลเรื่องไหนก็จะวางแผนรับมือในเรื่องนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
แต่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์จะเกิดขึ้นรวดเร็วและรุนแรงเพียงนี้ แผนการรับมือด้านต่างๆในชีวิตก็เลยถูกสร้างขึ้นอย่างเร่งด่วน ทำให้ไม่มีประสิทธิภาพในการรับมือสักเท่าไหร่
.
สังเกตได้จาก ประกันภัยโควิด-19 ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครให้ความสำคัญกับการวางแผนประกันสุขภาพมากเท่าที่ควร พอมีความเสี่ยงเรื่องการเงินเข้ามา ก็เลยต้องรีบทำประกันให้ครอบคลุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
.
ถ้าเป็นโรงพยาบาลในเซี่ยงไฮ้ค่ารักษาโรคนี้จะอยู่ประมาณ 25,000 หยวน บวกลบ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 115,000 บาท ยังไม่รวมค่าตรวจและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ค่ารักษาในบางโรงพยาบาลอาจจะสูงกว่านี้ แล้วช่วงพักฟื้นตัวจะใช้เงินอีกเท่าไหร่ก็ไม่รู้
.
ประกันโควิดจึงรับมือความเสียหายได้บางส่วน แต่ไม่ใช่กับทั้งหมด...
.

.
ต่างจากแผนการฉุกเฉิน ที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อเหตุการณ์ที่มันมีความเสี่ยงจะเกิดขึ้น โดยไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตอนไหน ความเสียหายเป็นเท่าไหร่ โอกาสเกิดความเสี่ยงเป็นเท่าไหร่ ไม่มีใครสามารถประเมินได้
.
รู้เพียงแต่ว่ามันมีความเสี่ยงที่น่ากลัวนั้นอยู่
.
ประกันสุขภาพ และ เงินสดสำรองในบัญชีออมทรัพย์ ก็เลยกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญของ “แผนการฉุกเฉิน”
.
ในเวลาแบบนี้ ใครที่มีไว้อยู่แล้วก็โล่งใจได้เปราะหนึ่ง เราแทบไม่ต้องทำอะไรมากมายในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน เพราะมีการวางแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้โดยใช้เครื่องมือเหล่านี้อยู่แล้ว
.
เพราะสภาพคล่อง คือ สิ่งจำเป็นสำหรับคนที่มีภาระค่าใช้จ่ายคงที่ทุกเดือน
.
“เงินสดสำรอง” ก็กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวขึ้นมาในเวลานี้ ทันทีที่มีประกาศ พรก.ฉุกเฉิน หลายบริษัทปลดพนักงานบางส่วน หยุดการจ้างงาน หรือปรับลดเงินเดือน
.
ถ้ารายได้น้อยลง หรือไม่มีรายได้เลย แต่ค่าใช้จ่ายรายเดือนยังคงวิ่งอยู่เหมือนเดิม ก็อาจจะลำบากเราต้องไปใช้เงินในส่วนอื่น เช่น เงินลงทุน หรือเงินกู้ยืม ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
.
เงินสดสำรองยามฉุกเฉินที่ควรตุนไว้ เท่ากับค่าใช้จ่าย 6-12 เดือนของเรา ก็เลยเป็นสิ่งที่ควรมีอยู่ในแผนการฉุกเฉิน เพราะในอนาคตยังมีสถานการณ์ที่เราคาดไม่ถึงรออยู่อีกมากมาย
.
ส่วนใครที่มีประกันสุขภาพอยู่แล้ว ก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย
.
เพราะเตรียมความพร้อมสำหรับเรื่องฉุกเฉินเหล่านี้ไว้อยู่แล้ว
.
...
.
แผนการฉุกเฉิน มีไว้เพื่อให้อุ่นใจ และคลายความกังวลได้บางส่วนเมื่อความเสียหายนั้นเกิดขึ้นจริง แล้วค่อยใช้เงินหรือเวลาในส่วนที่เหลือในการสร้างแผนการรับมือแบบเร่งด่วนขึ้นมา
.
บาดแผลจากวิกฤตการณ์อาจสร้างความปวดร้าวให้กับเราได้ในชั่วขณะหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าหนทางชีวิตของคนหนุ่มสาวอย่างเรายังปูทางได้อีกยาวไกล สิ่งล้ำค่าที่เราได้รับมาเมื่อพายุพัดผ่านไปมันคือ “บทเรียนและประสบการณ์” ที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต
.
ผู้ใหญ่มักจะสอนเราเสมอว่า “ฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ” ผมไม่รู้ว่าฟ้าจะสวยงามแค่ไหนเมื่อฝนผ่านไป แต่จากบทเรียนที่ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า..
.
พายุที่เข้ามาไม่สามารถโหมกระหน่ำเราได้ตลอดกาล
.
This too shall pass...แล้วมันจะผ่านไป
.
ปั้นเงิน
.
#นายปั้นเงิน #aomMONEYGURU #ออมมันนี่ฝ่าวิกฤตโควิด19
.
ที่มา https://www.facebook.com/artisanmoney/?__tn__=kCH-R&eid=ARCPlsyZkeG4Io0gl-KRxfSQS5NRltoull-0QcQHfXLwjCKTqI-4nzxJgjeWm8cMWbvzzCxxv-PLn6DB&hc_ref=ARTFH_18pzrKD2FWCEm4TDsqMeMICHiPs4GmR5gjrHkDzpOA1IrJOQHQReP7h3s3ktc&fref=nf
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #277 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2020, 12:07:08 pm »
อยากให้ฟังกัน  แล้วนำไปคิด
เมื่อคิดแล้วจะได้ความรู้
นำความรู้ไปปฎิบัติเพื่อตนเอง
.
.
.****************************
.
.
อ.วีระ แนะวิธีรวย..เงินงอก รู้เท่าทันการลงทุน (05ธ.ค.62) ฟังหูไว้หู | 9 MCOT HD
.
https://www.youtube.com/watch?v=yYY5oy9jYik
.
โพสโดย
9 MCOT Official
6 ธ.ค. 2562
.
ฟังหูไว้หู |05ธ.ค.62 OnAir
.
.
.-----------------------------
.
.
#รายได้
#การลงทุน
#เงินต่อเงิน
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #278 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2020, 05:36:07 pm »
รู้ยัง! เพิ่มคุ้มครองประกันรถใหม่ ตายรับขั้นต่ำ 1 ล้านต่อราย ดีเดย์ 1 เม.ย.นี้
.
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 - 14:19 น.
.
ประกันภัยรถยนต์ปรับเพิ่มความคุ้มครอง พ.ร.บ.กรณีเสียชีวิตบุคคลภายนอกจ่าย 500,000 บาท และภาคสมัครใจ จ่ายขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 500,000 บาท รวมจ่ายขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทต่อราย เริ่มดีเดย์ 1 เม.ย.2563
.
สมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมกับ สำนักงาน คปภ. กำหนดหลักเกณฑ์การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยปรับเพิ่มความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือ ประกันภัย พ.ร.บ. จากเดิม 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท โดยไม่ขึ้นค่าเบี้ยประกันภัย และประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ปรับความคุ้มครองขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 500,000 บาท ผู้ประสบภัยจากรถได้รับค่าสินไหมทดแทนทั้งสองกรมธรรม์รวมกัน ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทต่อราย เป็นการยกระดับมาตรฐานการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเป็นธรรมและรวดเร็ว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป
.
นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงาน คปภ. และสมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้ร่วมพิจารณาปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ทั้งการประกันภัยภาคบังคับและภาคสมัครใจ เพื่อยกระดับมาตรฐานในการพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วนและเป็นธรรม โดยมีสาระสำคัญ คือ การปรับเพิ่มจำนวนเงินความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือ ประกันภัย พ.ร.บ. กรณีผู้ประสบภัยจากรถเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือสูญเสียอวัยวะถึงขนาดที่กำหนด จาก 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท โดยไม่มีการปรับเพิ่มค่าเบี้ยประกันภัยแต่อย่างใด และปรับความคุ้มครองการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ โดยกำหนดเกณฑ์ในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 500,000 บาท หากประชาชนที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรจากอุบัติเหตุทางรถ จะได้รับความคุ้มครองทั้งจากประกันภัย พ.ร.บ. และประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ รวมกันขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1,000,000 บาทต่อราย โดยมีผลคุ้มครองเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป
.

    เปิดรายละเอียด-เงื่อนไข “แจกเงินฟรี” 2 พันบาท ต้านพิษโควิด-19

.
สำหรับการปรับเพิ่มความคุ้มครองกรมธรรม์การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และการกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทน การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับประชาชนที่เสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรด้วยความรวดเร็ว และเป็นธรรม สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ สามารถลดข้อโต้แย้งระหว่างบริษัทประกันภัยและผู้เสียหายลงได้ ซึ่งจากบทเรียนที่ผ่านมาในหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า การจ่ายค่าสินไหมทดแทนในปัจจุบันนั้นไม่เพียงพอต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งการปรับเพิ่มความคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) นี้ ได้เคยมีการปรับเพิ่มมาเป็นลำดับ โดยปรับเพิ่มจาก 200,000 บาท เป็น 300,000 บาท เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2559 และครั้งนี้ปรับเพิ่ม จาก 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท ซึ่งผลจากการเพิ่มความคุ้มครองโดยไม่เพิ่มค่าเบี้ยประกันภัยนี้ คาดว่าจะทำให้บริษัทประกันภัยต้องแบกรับภาระต้นทุนความเสียหายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงินกว่า 2,700 ล้านบาท แต่การปรับเพิ่มความคุ้มครองในครั้งนี้ สมาคมฯ เชื่อว่าจะสามารถลดข้อโต้แย้งระหว่างบริษัทประกันภัยและผู้เสียหายลงได้ ที่สำคัญประชาชนได้รับประโยชน์และเกิดความเชื่อมั่นในการได้รับความคุ้มครองและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัยได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรมมากขึ้น
.
นายอานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ได้ทำการปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ดังกล่าวแล้ว สมาคมฯ จะได้เร่งดำเนินการจัดประชุมชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจและอธิบายแนวทางในการปฏิบัติตามกรมธรรม์ที่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขได้อย่างถูกต้อง และเป็นไปในแนวทางเดียวกัน พร้อมทั้งแลกเปลี่ยน และระดมความคิดเห็นระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงาน คปภ. บริษัทประกันภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกำหนดจัดการประชุมชี้แจงขึ้นทั้งหมดรวม 5 ครั้ง ระหว่างวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ถึง 16 มีนาคม 2563 รวม 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ สงขลา ชลบุรี และขอนแก่น ตามลำดับ ซึ่งการจัดครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ณ ห้องบอลรูม โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา ได้รับเกียรติจาก ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. เป็นประธานในพิธี
.
นอกจากนี้ สมาคมฯ จะได้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารความรู้ ความเข้าใจไปยังประชาชนทุกภาคส่วนให้ได้รับทราบถึงสิทธิประโยชน์และความคุ้มครองที่ได้รับจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ดังกล่าวอีกด้วย
.
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า การประชุมชี้แจงการปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยภาคบังคับและภาคสมัครใจครั้งนี้จัดเป็นครั้งแรก และเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีความสำคัญต่อประชาชน จากอุบัติเหตุของไทยติดอันดับโลก โดยประกันภัยในประเทศไทยมีพอร์ตประกันรถค่อนข้างเป็นพอร์ตใหญ่ เบี้ยประกันรถยนต์ทั้งระบบประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายมีแต่จะเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่พี่น้องประชาชนอยากได้รับก็คือการเยียวยาเรื่องประกันภัย
.
ปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจไทย ทำให้เกิดการแข่งขันด้านประกันรถยนต์รุนแรง มีการแข่งขั้นด้านตลาดในการบริการด้านสินไหมทดแทน แต่รู้สึกดีใจที่มีนวัตกรรมเข้ามาช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังมีหลายปัจจัยที่จำเป็นต้องทำคือ หนุนให้ประชาชนทำประกันภัยมากขึ้น ซึ่งต้องสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นและความสำคัญของการประกันภัย แม้ปัจจุบันยังเป็นสัดส่วนที่น้อย อย่างกรณีภาคบังคับควรจะต้องเป็น 100% หรืออย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 90%
.
“เราผนึกกำลังกับภาคอุตสากรรมประกันภัย ด้านกำกับและส่งเสริมเป็นพันธมิตรในหลายๆเรื่องโดยไม่กระทบกับความเป็นกลาง โดยมีความจำเป็นปรับปรุงประกันภัยรถยนต์ และคู่มือตีความเพื่อสะท้อนปัจจัยที่มีการเปลี่ยนแปลง และลดการฉ้อฉลประกันภัย ซึ่งเป็นฟันเฟืองที่สำคัญ ที่ทำให้ตัวกรมธรรม์ต้องมีความชัดเจนสะท้อนภาวะปัจจุบัน จึงได้ปรับปรุงพิกัดอัตราเบี้ยใหม่ จากการประชุมหารืออย่างเข้มข้นอาจจะมีความไม่เข้าใจกันบ้าง แต่สุดท้ายการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียก็จบลงได้อย่างลงตัว ซึ่งการดำเนินงานครั้งนี้ได้รับความเห็นชอบแล้วจากทุกฝ่าย” นายสุทธิพลกล่าว
.
เบื้องต้นได้ลงนามไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 โดยให้เวลาบริษัทประกันปรับปรุง และเป็นของขวัญประชาชน โดยคำสั่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.63
.
ขณะนี้คู่มือตีความกำลังจะเข้าตามมาในไม่ช้า ซึ่งเดินหน้าไปพอสมควร ภายในเดือนนี้น่าจะมีความคืบหหน้าและภายในช่วงสงกรานต์นี้จะแล้วเสร็จทั้งหมด รวมถึงการกำหนดเบี้ยรหัสรถยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้าด้วย
.
ที่มา https://www.prachachat.net/finance/news-423815
.

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #279 เมื่อ: มกราคม 02, 2021, 07:31:43 pm »
.
7 เทคนิคใช้ 'บัตรเครดิต' ไม่ติดกับดัก 'หนี้บัตรเครดิต'
.
2 มกราคม 2564
.
โพสโดย กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
.
เปิด 7 วิธีใช้ "บัตรเครดิต" ให้ไม่ติดกับดักวังวน "หนี้" และ "ดอกเบี้ย" แถมยังทำให้คุณ "รวย" ขึ้น!
.

"บัตรเครดิต" จะเป็นเพื่อนรักหรือศัตรูตัวฉกาจ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของเรา บางครั้งบัตรเครดิตทำหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่อง และมีสิทธิประโยชน์ แต่บางครั้งถ้าใช้ไม่เป็น ขาดความรู้ความเข้าใจจะติดกับดักที่หอมหวาน และอาจกลายเป็นผู้ที่มีหนี้สินที่ไม่ควรจะมีได้ง่ายๆ
.
"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" ชวนไปดูวิธีใช้บัตรเครดิตที่ควรทำ 7 ข้อ ที่จะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ติดกับดักหนี้ และทำให้คุณสนุกกับการบริหารเงินในฐานะ "ลูกหนี้ชั้นดี"
.
.
 1. ไม่จ่ายแค่ "ขั้นต่ำ" เด็ดขาด!
.
การใช้บัตรเครดิตแบบผิดๆ คือ การให้บัตรเครดิตเป็น "เจ้าหนี้เงินกู้" คือใช้รูดสินค้าจำนวนมากในคราวเดียว หรือรูดรวมภายในยอดบิลเดียวกัน ยอดหนี้จะกองเพนินเป็นกองใหญ่ แล้วมาทยอยจ่ายขั้นต่ำทีหลัง
.
เช่น ยอดเต็ม 20,000 บาท จ่ายขั้นต่ำที่ 10% ของยอดที่ใช้ คือ 2,000 บาท บัตรเครดิตจะคิดดอกเบี้ยขั้นต่ำ 18-20% ต่อปีทันที ซึ่งหากจ่ายขั้นต่ำไปจนเรื่อยๆ ทุกๆ เดือนดอกเบี้ยจะพอกพูนเป็นเงินต้นและคิดดอกเบี้ยทับอีกตลบจนกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ได้
.
สาเหตุที่ควรจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำโดยเด็ดขาดคือ เพราะหลังจากที่มีการจ่ายขั้นต่ำ ผู้ให้บริการจะคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิตแบบ 2 เด้ง ดังตัวอย่างต่อไปนี้
.
ดอกเบี้ยเด้งที่ 1 .วิธีการคิดดอกเบี้ยเด้งที่ 1 : ยอดที่ใช้จ่ายทั้งหมด x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันจากวันที่ทำรายการถึงวันที่สรุปยอดบัญชี / จำนวนวันใน 1 ปี
.
ดังนั้นดอกเบี้ยเด้งที่ 1 คือ 20,000 x 18% x 22 / 365 = 216.99 บาท
.
ดอกเบี้ยเด้งที่ 2
.
วิธีการคิดดอกเบี้ยเด้งที่ 2 : ยอดคงค้าง x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันจากวันที่ชำระคืนบางส่วน ถึงวันสรุปยอดบัญชีครั้งถัดไป / จำนวนวันใน 1 ปี
.
ดังนั้นดอกเบี้ยเด้งที่ 2 คือ 18,000 x 18% x 12 /365 = 168.66 บาท
.
เพราะฉะนั้น วันสรุปบัญชีรอบใหม่ จะต้องจ่าย 216.99 (ดอกเบี้ยเด้งที่ 1) + 168.66 (ดอกเบี้ยเด้งที่ 2) และ 18,000 (ยอดคงค้าง) รวมเป็น 18,385.65 บาท .
โดยจะถูกคิดดอกเบี้ยในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจ่ายครบทั้งต้นทั้งดอก ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ายังจ่ายยอดเก่าไม่หมดแล้วรูดยอดใหญ่เพิ่มขึ้นไปอีก หนี้บัตรเครดิตเหล่านี้จะกระชากคุณลงสู่วังวนหนี้ในทันที และแน่นอนว่าถ้าไม่สามารถชำระได้หมดตามระยะเวลา คุณจะถูกตราหน้าเป็นลูกหนี้ชั้นแย่ และส่งผลกระทบต่อการขอสินเชื่อที่จำเป็นในอนาคตได้
.
2. จำกัดวงเงิน ต่อรอบบิล
.
ปกติวงเงินในบัตรเครดิตมักจะอนุมัติประมาณ 1.5 ของเงินเดือนขึ้นไป ซึ่งแน่นอนว่าการมีบัตรเครดิต ทำให้เราเหมือนมีเงินสำรองก้อนหนึ่งอยู่ในมือ แต่ถ้ารูดเต็มวงเปรี๊ยะตั้งแต่รอบแรก โดยไม่มีเงินสำรองจ่าย แล้วรอเงินเดือนที่จำนวนพอๆ กับเงินที่ใช้ไปล่วงหน้าไปจ่ายบัตรเครดิต ชีวิตคุณจะเปลี่ยนเป็นคนทำงานเพื่อถวายตัวให้หนี้บัตรเครดิตไม่รู้จบ
.
ฉะนั้น ก่อนใช้บัตรเครดิตในแต่ละเดือนจึงควร "จำกัดวงเงินที่จะใช้แต่ละเดือนให้ชัดเจน" โดยประเมินตามกำลังการจ่ายของตัวเอง เช่น วงเงินทั้งหมด 30,000 บาท จำกัดการใช้ต่อเดือน 10,000 บาท เพื่อเป็นกรอบเตือนสติไม่ให้ใช้เงินเกินกำลังในการชำระคืนในแต่ละเดือน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยป้องกันการรูดเพลินเกินห้ามใจ และกลายเป็นภาระหนักอึ้งที่ตามมา
.
3. รูดเท่าไร จ่ายเท่านั้น
.
“จ่ายเต็มจำนวนทุกครั้ง” เป็นวิถีของลูกหนี้ชั้นดี ที่ทำให้บัตรเครดิตเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์ เพราะการชำระเต็มจำนวนตามเวลาที่กำหนด หรือจ่ายภายในระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย (แต่ละบัตรมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน) จะไม่ถูกคิดดอกเบี้ยใดๆ เลย ในทางตรงกันข้าม หากจ่ายแค่ยอดขั้นต่ำจะถูกคิดดอกเบี้ยแบบ 2 เด้งตามวิธีการคิดเบื้องต้นในข้อที่ 1 ด้วย
.
นอกจากการจ่ายเต็มวงเงินที่ใช้จะช่วยให้เป็นกันชนไม่ให้เราหลุดเข้าไปในกับดักของหนี้บัตรเครดิตที่ดอกเบี้ยโตเร็วมากๆ แล้ว ยังทำให้คุณกลายเป็นลูกหนี้ชั้นดีที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการใช้บัตรเครดิตตามมาไม่หวาดไม่ไหวได้ในอนาคตอีกด้วย
.
4. ไม่มีเงินไม่รูด หรือเก็บเงินก่อนรูด
.
หลายคนเข้าใจว่า บัตรเครดิตทำหน้าที่เป็น "เงินอนาคต" ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วในอนาคตเราอาจจะไม่เงินก้อนนั้น และการรูดซื้อของไปล่วงหน้า เท่ากับเรากำลังมีเงินติดลบเสียด้วยซ้ำ
.
การเก็บเงินก่อนรูดเป็นการสร้างเงินสำรองขึ้นเพื่อให้มั่นใจว่าเรามีกำลังที่จะชำระเงินคืนได้อย่างแน่นอน อย่างน้อยที่สุดควรมีเงินสดสำรอง 50% ของสินค้าที่จะซื้อผ่านบัตรเครดิต เพื่อเตรียมสะสมสำหรับจ่ายเต็มจำนวนในเดือนถัดไป
.
หรืออีกหนึ่งวิธีคือการ "ซ้อมเป็นหนี้" ก่อนผ่อนชำระจริง เช่น ต้องการซื้อสินค้าราคา 30,000 บาท โดยใช้สิทธิประโยชน์ผ่อน 0% เป็นเงิน 3,000 เป็นเวลา 10 เดือน จะต้องมีการหักเงินเข้าบัญชีเพื่อซ้อมผ่อน ก่อนจ่ายจริงอย่างน้อย 3-5 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินทางการเงินเกิดขึ้นระหว่างที่อยู่ในโปรแกรมผ่อนชำระ เราจะยังสามารถผ่อนชำระได้ตรงตามเวลา แบบปลอดดอกเบี้ยได้สบายๆ
.
แม้จะดูเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่เป็นเรื่องที่ควรทำ เพราะเกินครึ่งของคนที่ติดกับดักหนี้บัตรเครดิต คือคนที่เชื่อมั่นในตัวเองว่าจะสามารถหาเงินมาจ่ายได้ในอนาคต ทั้งๆ ที่ไม่มีเงินในมือ และปราศจากการวางแผนในจุดนี้กันทั้งนั้น
.
 5. จ่ายตรงตามเวลาทุกเดือน
.
จ่ายตรงตามเวลาทุกเดือน การจ่ายเงินคืนบัตรเครดิตตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดทันทีที่สรุปยอดบิล หรือจ่ายก่อนวันครบกำหนดชำระ นอกจากเราจะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยที่ไม่ควรเสียแล้ว การจ่ายเงินตามเวลาที่กำหนดยังช่วยรักษาสถานะลูกหนี้ชั้นดี ที่อาจส่งผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคตด้วย
.
6. ทำความเข้าใจ "ใบแจ้งหนี้"
.
เอกสารแจ้งหนี้ หรือใบแจ้งหนี้แบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม และไม่ยอมศึกษาอย่างละเอียด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วการตรวจสอบใบแจ้งหนี้อย่างละเอียดทั้งวันที่สรุปยอด วันครบกำหนดชำระ โดยเฉพาะช่วงที่มีการผ่อนจ่าย ที่อาจมีการคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หากไม่ตรวจสอบและทำความเข้าใจการคิดอัตราดอกเบี้ย หรือรอบการจ่ายในแต่ละเดือนอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด จนนำไปสู่การวางแผนชำระหนี้ผิด อาจส่งผลกระทบด้านการเงินอื่นๆ ที่ตามมาได้
.
สำหรับผู้ให้บริการบัตรเครดิตในปัจจุบันสามารถตรวจสอบยอดเงินที่ใช้ ยอดเงินที่ชำระ ที่อัพเดทแบบเรียลไทม์ ผ่านแอพพลิเคชั่นของแต่ละธนาคาร ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวของการใช้จ่ายของตัวเองได้อย่างละเอียด และสามารถระงับการใช้งานได้ทันท่วงทีเมื่อมีแจ้งเตือนการใช้บัตรที่ผิดปกติ
.
 7. ใช้สิทธิพิเศษของบัตรให้เป็นประโยชน์
.
ข้อดีของการใช้เครดิตที่แตกต่างจากการใช้เงินสด คือ สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ "เงินสดให้ไม่ได้" ซึ่งการใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เหล่านี้จะตามมาอัตโนมัติ ถ้าใช้เราสามารถบริหารจัดการบัตรเครดิตได้ 6 ข้อด้านบน หรือรักษาสถานะลูกค้าชั้นดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยบัตรเครดิตแต่ละธนาคาร หรือบัตรแต่ละประเภทย่อมให้สิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป
.
ฉะนั้นก่อนเลือกสมัครบัตรเครดิต ลองเลือกบัตรที่มีคุณสมบัติที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ตัวเองมากที่สุด เช่น สายช้อปปิ้ง เลือกบัตรที่ให้สิทธิประโยชน์ร่วมกับร้านรีเทล ศูนย์การค้า หรือร้านที่ใช้บริการเป็นประจำ เป็นต้น
.
สำหรับสิทธิพิเศษของบัตรมีหลายรูปแบบ ขอยก 3 ตัวอย่างที่มีให้ในบัตรเครดิตส่วนใหญ่ อย่าง การใช้แต้มบัตรเครดิต การผ่อน 0% และการรับเครดิตเงินคืน
.
ใช้แต้ม : ทุกครั้งที่มีการใช้และจ่ายคืนผ่านบริการผ่านบัตรเครดิตจะได้รับแต้มสะสมตามข้อกำหนดของแต่ละบัตร ซึ่งบรรดาแต้มเหล่านี้จะผุดขึ้นมาเรื่อยๆ เมื่อใช้จ่ายอย่างมีวินัย แต้มเหล่านี้สามารถสะสม เพื่อแลกรับของกำนัลรูปแบบต่างๆ ได้ ตั้งแต่ของเล็กๆ น้อยๆ อย่างชานมไข่มุก ไต่ขึ้นไปเป็นของใช้ เช่น กระเป๋า เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือแม้แต่ส่วนลดค่าบริการร้านอาหาร โรงแรมชั้นนำ ฯลฯ ซึ่งแต้มเหล่านี้คือกำไรที่สามารถลดต้นทุนการใช้เงินของเราในครั้งต่อๆ ไปได้
.
ผ่อน 0% : โปรโมชั่นยอดฮิตที่มีประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่ต้องการซื้อสินค้าบางอย่างที่มีมูลค่าสูงได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในคราวเดียว สามารถทยอยจ่ายเป็นก้อนเล็กๆ โดยไม่มีเสียดอกเบี้ยใดๆ เลย
.
อย่างไรก็ตาม การผ่อน 0% มีข้อควรระวัง คือการเลือกการผ่อนเป็นระยะเวลานาน พร้อมกันหลายๆ สินค้า ซึ่งทำให้ต้องแบกภาระต่อไปเป็นเวลานาน และอาจมีเงินไม่เพียงพอต่อการผ่อนจ่าย ซึ่งเป็นกับดักให้หลายต่อหลายคนเดินทางไปสู่วังวนของการชำระหนี้ไม่ตรงเวลาเพราะชักหน้าไม่ถึงหลัง และโดนหนี้ล้มทับได้เช่นกัน
.
เครดิตเงินคืน : หรือที่เรียกกันติดปากว่า Cashback เป็นสิทธิประโยชน์ของผู้ใช้ได้เงินคืนเข้าสู่บัญชีบัตรเครดิตทุกครั้งที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เสมือนได้ส่วนลดในการใช้จ่ายแต่ละรอบ ทั้งนี้ เงื่อนไขของการให้เครดิตเงินคืนแต่ละครั้ง มักจะมีเงื่อนไขกำหนดอยู่ เพราะฉะนั้นอย่ารูดเพื่อหวังเงินคืนจนลืมมองดอกจันตัวเล็กๆ ที่ระบุเงื่อนไขอยู่ด้วย
.
ที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนเผลอใช้บัตรเครดิตหละหลวมไปจาก 7 ข้อที่กล่าวถึงบ้าง บางข้ออาจไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตมาก แต่หากเกิดขึ้นต่อเนื่อง หรือบ่อยครั้งขึ้น ผลของการใช้บัตรเครดิตแบบไม่ระมัดระวังเหล่านี้จะกลับมาเล่นงานในระยาวได้เช่นกัน
.
เพราะเจ้าหนี้ในอนาคตของคุณจะสามารถตรวจสอบพฤติกรรมการชำระหนี้ย้อนหลังที่ปรากฏในเครดิตบูโร หรือ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (National Credit Bureau) เป็นเวลา 36 เดือนหรือ 3 ปี ซึ่งหากประวัติการชำระหนี้ไม่น่ารักอย่างที่ควรจะเป็น ก็มีส่วนทำให้โอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อที่มีความจำเป็นหลุดลอย (ในระยะเวลาหนึ่ง) ได้เช่นกัน
.
ฉะนั้น ก่อนที่จะสมัครบัตรเครดิต หรือก่อนหยิบบัตรเครดิตมาใช้ทุกครั้ง อย่าลืมทบทวนถึงวิธีการใช้บัตรเครดิตทั้ง 7 ข้อนี้ เพื่อสุขภาพการเงินที่ดีของตัวเอง
.
.
.


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)