๔๖.
พระกับมารมีนักวาดที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง ต้องการจะวาดภาพของพระและของมาร
แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่า ลักษณะของพระและมารควรจะเป็นอย่างไร
และก็ไม่สามารถหาของจริงที่มาเป็นแบบอย่างได้ จึงยังลงมือวาดไม่ได้สักที
ครั้งหนึ่งขณะที่กำลังไหว้พระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง บังเอิญเห็นภิกษุรูปหนึ่ง
มีรูปหน้าและจริยาวัตรที่งดงามยิ่งนัก ลักษณะและท่าทางอย่างนั้นช่างดึงดูด
ใจนักวาดเช่นเขาเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงไปหาพระรูปนั้น และจ้างให้มาเป็นแบบ
ด้วยราคาที่สูงเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากเมื่อวาดภาพนั้นเสร็จ ภาพนั้นก็ได้กลายเป็นภาพที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว
นักวาดนั้นกล่าวว่า “ตั้งแต่ที่ได้วาดภาพเป็นต้นมา ภาพนี้เป็นภาพที่ตนเองพอใจ
มากเป็นที่สุด เพราะใครๆที่มาเห็นภาพนี้ จะต้องนึกทันทีว่า นี่คือภาพพระพุทธที่
แท้จริง รูปร่างหน้าตา และลักษณะที่เปี่ยมล้นด้วยความสงบและมีเมตตา ทำให้ผู้
ที่ได้พบเห็นเกิดความพึงพอใจ และศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม
และก็เป็นเพราะภาพภาพนี้ ผู้คนไม่ได้เรียกเขาว่านักวาดเหมือนเมื่อก่อน แต่ได้
ฉายาใหม่ว่า “ปรมาจารย์แห่งนักวาด”
ผ่านไปอีกระยะหนึ่ง จึงคิดจะวาดรูปมารขึ้นมา แต่ก็เกิดปัญหาที่ว่าไม่รู้จะหาลักษณะ
ที่เป็นมารมาเป็นแบบได้จากที่ไหน? เขาเดินไปหาอยู่หลายที่ เพื่อจะหาคนที่มีลักษณะ
ดุร้ายโหดเหี้ยม แต่หาอย่างไรก็ไม่ถูกใจสักคน สุดท้ายก็ไปหาเจอในคุกแห่งหนึ่ง
นักวาดนั้นดีใจยิ่งนัก เพราะการจะไปหาคนๆหนึ่งที่หน้าเหมือนมารจริงๆนั้น
เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย
เมื่อเขาเข้าไปเจรจากับนักโทษนั้น นักโทษนั้นร้องไห้คร่ำครวญออกมาว่า
“ทำไมเมื่อตอนที่จะวาดรูปพระ คนที่ท่านหาก็คือข้า ตอนที่จะวาดภาพมาร
คนที่ท่านหาก็ยังคงเป็นข้า เป็นเพราะเจ้าที่ทำให้ข้าจากพระกลายเป็นมาร”
“เป็นไปได้อย่างไร? คนที่เป็นแบบให้ข้าวาดภาพพระ ลักษณะดีเลิศผิด
ผู้อื่น แต่เจ้าดูทีเดียวก็รู้แล้วว่า เหมือนลักษณะของมารอย่างแท้จริง
แล้วจะเป็นคนๆเดียวกันได้อย่างไร?”
คนคนนั้นพูดอย่างปวดร้าวใจ “ตั้งแต่ได้เงินก้อนใหญ่จากเจ้า ได้แต่ไปหา
ความรื่นเริงบันเทิงใจทุกวัน ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายจนเงินหมด แต่ความหลง
อยู่ในความมัวเมาเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ย่อมจะหยุดลงได้ยาก
ดังนั้นข้าจึงไปปล้นและฆ่าเจ้าทรัพย์ ขอเพียงให้ได้เงิน ไม่ว่าเรื่องที่ทำจะ
เลวร้ายอย่างไรข้าก็ทำ ที่สุดก็กลายมาเป็นสภาพอย่างที่ท่านเห็น”
นักวาดเมื่อได้ฟังจนจบ รู้สึกสังเวชใจยิ่งนัก รู้สึกพรั่นพรึงถึงจริตนิสัย
ของคนเรา ที่สามารถถูกกิเลสลากจูงไปได้อย่างรวดเร็ว สภาพจิตของคนช่าง
อ่อนแอ พลังดึงดูดของกิเลสก็ช่างแข็งแกร่ง
ความเปลี่ยนแปลงของคนๆนี้ทั้งหมด ก็เป็นเพราะตัวเองที่ทำให้เกิดขึ้น
เข้าจึงละทิ้งพู่กัน แล้วไม่วาดรูปตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป