ผู้เขียน หัวข้อ: ระวังถูกหลอกและเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ของใกล้ตัว  (อ่าน 69004 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
แบงก์พันปลอม ระบาด จ.อำนาจเจริญ แม่ค้าโดนหลอกอื้อ
-http://hilight.kapook.com/view/89989-







ผวา!แบงก์พันปลอมระบาดอำนาจเจริญ (ไอเอ็นเอ็น)
 
            แบงก์พันปลอมระบาดอำนาจเจริญ แม่ค้าโดนหลอกซื้อสินค้า วอนตำรวจเร่งสกัด ด้านตำรวจเผย แม่ค้าโดนหลอกแล้วหลายราย คาดเป็นพวกแขกขาว

            วันที่ 19 สิงหาคม 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสว่าง ไชยนา อายุ 40 ปี แม่ค้าขายลูกชิ้น ในตลาดสดวิชิตสิน ต.บุ่ง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ได้เข้าร้องสื่อมวลชน เพื่อให้แจ้งชาวบ้าน ระมัดระวังธนบัตรใบละ 1,000 บาทปลอม ซึ่งมีคนร้ายเข้ามาหลอกซื้อสินค้า โดยหวังเอาเงินทอนที่เป็นธนบัตรจริง ที่ถูกต้องตามกฎหมายจากแม่ค้าไปแทน

            โดย นางสว่าง เล่าว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาประมาณ 20.00 น. มีคนมาขอซื้อลูกชิ้น ในราคา 30 บาท โดยใช้ธนบัตรใบละ 1,000 บาท จ่ายซื้อของ จากการสังเกตคนร้ายเป็นผู้ชาย อายุ 23-25 ปี รูปร่างสูง ขาว จะทำทีมีถุงสัมภาระมาขอฝากแม่ค้า เพื่อให้คนเชื่อใจ จากนั้นจะใช้ธนบัตรปลอม ขอซื้อของจำนวนไม่มาก แต่จะเร่งให้รีบทอนเงิน และเมื่อได้เงินทอนแล้ว จะรีบเดินไปซื้อของอีกหลาย ๆ อย่าง แล้วก็หนีหายไปไม่กลับมาเอาของฝากที่วางไว้ก่อนเลย

            ด้าน พ.ต.อ.สถาพร เอมโอษฐ์ ผกก.สภ.เมืองอำนาจเจริญ ได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่ ออกสกัดจับแล้ว โดยมีข้อมูลจากแม่ค้าในตลาดสดหลายรายที่โดนหลอก สูญเงินไปแล้วหลายราย สงสัยจะเป็นแขกขาว คนต่างชาติซึ่งลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ ยโสธร และ อุบลราชธานี ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่ามักเข้าไปต้มตุ๋นหลอกลวงชาวบ้าน เอาสิ่งของไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งตำรวจกำลังให้ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความในวันนี้


ไอเอ็นเอ็น
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
เตือนภัย! คอทอง... ระวังโดนล้วงตับยัดไส้ทองปลอม
วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2556 เวลา 09:29 น.
-http://www.dailynews.co.th/article/440/229629-


ภัยสังคมยุคนี้มีมากมายจนตามแทบไม่ทัน แต่เพื่อป้องกันการโดนหลอกจึงจำเป็นที่ต้องติดตามเพื่อระวังภัย!

ล่าสุด ภัยสังคมอีกรูปแบบที่พัฒนาฝีมือให้แนบเนียมจนเซียนทองยังต้องอึ้ง!  คือ “ภัยทองคำยัดไส้” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จ.นครราชสีมา

สืบเนื่องจากกรณี นายสุเทพ ณัฐกานต์กนก เจ้าของร้านทองกรุงเทพตราหัวใจคู่ และ น.ส.ภัทรียา รัตน์ศิริมณีเวทย์ ตัวแทนจากร้านทองไทเฮ้งล้ง ตราช้าง ตั้งอยู่ในตัวเมืองนคร ราชสีมา เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครราชสีมา ว่าถูกแก๊งต้มตุ๋นเข้ามาหลอกให้รับซื้อทองแท่งยัดไส้ น้ำหนักรวม 4 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามจับกุม นางวรนุช กันโต อายุ 44 ปี ผู้ที่นำทองมาขาย และนางศิริพร จิตรติกรกุล ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของทองไว้ได้ โดยในเบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ อ้างว่าได้ซื้อทองแท่งมาจากร้านทองแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา มาเก็บไว้ ก่อนมีปัญหาเงินขาดมือ จึงนำทองออกมาขาย ทำให้เพิ่งทราบว่าเป็นทองยัดไส้ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

กระทั่งวานนี้ ( 29 ส.ค.) พ.ต.ท.มงคล แก้วโพธิ์ สว.สส.สภ.เมือง จ.นครราชสีมา ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนติดตามคดี เปิดเผยว่า ล่าสุดได้ส่งของกลางไปให้สมาคมผู้ค้าทองตรวจสอบอย่างละเอียดว่า วัตถุที่อยู่ภายในทองแท่งคืออะไร ได้มาจากไหน และถูกทำขึ้นมาได้อย่างไร แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ทองแท่งที่ถูกทำขึ้นมีความละเอียดมาก ทั้งเรื่องน้ำหนัก รูปพรรณ และสัญลักษณ์อื่น ๆ ทำได้อย่างแนบเนียน เชื่อว่าน่าจะทำเป็นขบวนการใหญ่ หรือเป็นฝีมือของช่างผู้เชี่ยวชาญ

นายชัยชนะ ประพฤทธิพงษ์ ประธานชมรมร้านค้าทองนครราชสีมา กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุนายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ ได้รับปากว่าจะช่วยดำเนินการตรวจสอบให้ โดยจะนำส่งของกลางไปตรวจสอบยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งตนยังได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่บริษัทที่นำเข้าทองแท่งจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตทองแท่งยักษ์ใหญ่ว่า จะส่งเจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจสอบเรื่องราวด้วยตนเอง เนื่องจากเหตุการณ์นี้อาจทำให้บริษัทผู้ผลิตได้รับผลกระทบในเรื่องชื่อเสียงด้วย

“แนวทางป้องกัน ทางชมรมร้านค้าทองนครราชสีมา ได้ส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังสมาชิก ผ่านทางไลน์ เอสเอ็มเอส รวมทั้งเฟซบุ๊ก เพื่อให้ระมัดระวังแก๊งมิจฉาชีพนำทองยัดไส้มาขาย และช่วยกันดำเนินการตรวจสอบว่าพบทองยัดไส้ในพื้นที่ใดอีก แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบ อาจเป็นเพราะผู้ที่มีทองแท่งไว้ในครอบครองอาจไม่กล้าพิสูจน์” นายชัยชนะ กล่าว

นายชัยชนะ กล่าวว่า การพิสูจน์ ว่าเป็นทองจริงหรือทองยัดไส้ ทำได้วิธีการเดียว คือ การใช้ไฟเผา หรือนำไปหลอม เพราะเมื่อทองคำแท่งร้อนจนใกล้ถึงจุดหลอมละลาย ตัวที่ยัดไส้อยู่ข้างในจะหลอมละลายเร็วกว่าเนื้อทอง ซึ่งส่งผลให้ปริแตกและดันตัวออกมาด้านนอก แต่การเผาพิสูจน์หากพบเป็นทองจริงก็จะทำให้ทองเสียมูลค่าไปโดยเปล่าประโยชน์ และจะทำให้ราคาตกลงไปด้วย ตอนนี้จึงต้องรอให้ทางสมาคมร้านค้าทองคำ หาวิธีตรวจสอบทองที่จะไม่ทำให้เสียมูลค่า

ช่วงนี้สถานการณ์ราคาทองคำในประเทศก็กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้การลงทุนกลายเป็นเรื่องสุญเปล่าต้องระวังให้ดี เพราะภัยนี้อาจทำให้เงินหมดกระเป๋าได้.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ตร.ออกหมายจับแก๊งทวงหนี้โหดบุกทำร้ายแม่ค้าขนมหวาน
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม    31 สิงหาคม 2556 18:23 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000109347-


(แฟ้มภาพ) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการป.ป.ส.เข้าเยี่ยมผู้เสียหาย


ตำรวจ สน.บางเขน ออกหมายจับแก๊งทวงหนี้เงินกู้นอกระบบสุดโหด ยกพวกบุกบ้านแม่ค้าขายขนม ทำลายข้าวของพร้อมทำร้ายร่างกายคนในบ้าน ขณะที่ “พงศพัศ” รุดเยี่ยมมอบเงินเยียวยา
       
       วันนี้ (31 ส.ค.) พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ ผกก.สน.บางเขน เปิดเผยความคืบหน้ากรณีแก๊งทวงหนี้เงินกู้นอกระบบจำนวน 15 คน พร้อมอาวุธครบมือ บุกเข้าทำลายข้าวของภายในบ้านเลขที่ 5/9 ม.4 ซอยเพิ่มสิน 20 แยก 13 ถนนเพิ่มสิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. บ้านของนางปาริฉัตร เกิดสาย อายุ 50 ปี แม่ค้าขายขนมในตลาดเทพทิพย์ ย่านสายไหม และทำร้ายร่างกายคนในบ้านทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายว่า เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับ นายชุติเทพ สุโพธิ์ หรือกรีน อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 ต.คลีกลิ้ง อ.ศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นนายหน้ามาปล่อยเงินกู้ให้กับผู้เสียหาย และในคืนก่อเหตุก็ได้เป็นหัวหน้าทีมนำลูกน้องมาถล่มบ้านดังกล่าวด้วย โดยออกหมายจับ 4 ข้อหา คือ 1. บุกรุกในยามวิกาล 2. ทำให้เสียทรัพย์ 3. ทำร้ายร่างกาย และ 4. ทำผิด พ.ร.บ.เงินกู้ฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
       
       ต่อมา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส.พร้อมด้วย พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ ผกก.สน.บางเขน เดินทางไปที่บ้านเกิดเหตุเพื่อเยี่ยมผู้เสียหาย พร้อมมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 30,000 บาท เพื่อช่วยค่าซ่อมแซมจักรยานยนต์ และของในบ้านที่ถูกทำลายเสียหาย และแบ่งไปชดใช้คืนเจ้าหนี้เงินกู้ที่ติดค้างอยู่อีก 7,000 บาท
       
       พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า วันนี้ได้มาเยี่ยมให้กำลังใจผู้เสียหาย เมื่อทราบเรื่องทาง ป.ป.ส.มีการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของเยาวชนที่เคยติดยาเสพติดและเข้ารับการบำบัดกับทาง ป.ป.ส. ก็พบว่ามีชื่อตรงกันกับบุคคลที่ถูกออกหมายจับ จึงประสานข้อมูลมายัง สน.บางเขน และทราบว่าเด็กพวกนี้ส่วนใหญ่เมื่อพ้นโทษออกมาก็จะมารับจ้างปล่อยเงินกู้และทวงหนี้ เพื่อแลกกับเงิน และยาเสพติด และส่วนใหญ่พวกเงินกู้นอกระบบเหล่านี้จะเป็นคนต่างจังหวัดที่มีฐานะดี โดยได้มอบเงินให้ผู้เสียหายไปส่วนหนึ่ง และอยากฝากเตือนถึงประชาชนว่า หากเป็นไปได้ไม่ควรที่จะไปพึ่งเงินกู้นอกระบบ เพราะจะเป็นอันตรายต่อชีวิต ยังดีที่เหตุการณ์นี้ไม่มีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
       
       อย่างไรก็ตาม ขอฝากเตือนไปยังขบวนการเงินกู้นอกระบบด้วยว่ารัฐบาลมีนโยบายปราบปรามอยู่แล้ว หากไม่หยุดก็จะดำเนินการเด็ดขาดไม่มีความปรานี



ตร.รวบแล้วแก๊งทวงหนี้โหด
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม    1 กันยายน 2556 15:39 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000109599-

ตำรวจรวบแล้วแก๊งทวงหนี้โหด รับถูกเบี้ยวจ่ายดอก โมโหจึงพาพวกบุกไปถล่มบ้านยับ ตรวจสอบพบอดีตเคยเป็นลูกสมุนแก๊งเงินกู้ ก่อนแยกตัวออกมาปล่อยเงินกู้เอง
       
       วันนี้ (1 ก.ย.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.กฤษฎิ์ เปียแก้ว ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ ผกก.สน.บางเขน พ.ต.ท.สมศักดิ์ โปสัยะคุปต์ รอง ผกก.สส.สน.บางเขน พ.ต.ท.เสน่ห์ มณีฉาย สว.สส.สน.บางเขน พ.ต.ต.พงศ์สุรวัฒน์ วงษ์สารัมย์ สว.สส.สน.บางเขน และชุดสืบสวนร่วมแถลงข่าวจับ นายชุติเทพ สุโพธิ์ หรือกรีน อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 1510/2556 ลงวันที่ 31 ส.ค. 2556, นายอนันต์ บุญหล้า หรือมิตร อายุ 21 ปี, นายปภพ กล่ำผ่องศรี หรือโกโก้ อายุ 21 ปี, นายธนพล มาทา หรือโก้ อายุ 21 ปี, นายมาโนชญ์ เจิมขุนทด หรือม้ง อายุ 20 ปี, นายศรันย์ สนใจ หรืออั้น อายุ 25 ปี, นายกว้าง (นามสมมติ) อายุ 18 ปี, นายสมปอง จันทร์มา หรืออาท อายุ 22 ปี, นายวีรยุทธ์ โพธิ์สังข์ หรือเฟก อายุ 25 ปี และนายสมยศ ชมหมี หรือมอส อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาแก๊งทวงหนี้โหด พร้อมของกลางรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ ทะเบียน ผบ 1515 นครราชสีมา จักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นสปาร์ค ทะเบียน สพจ 636 กรุงเทพมหานคร ท่อนไม้และขวดโซดา
       
       พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงดึกวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ต้องหาที่นำโดยนายชุติเทพ หัวหน้าแก๊ง ได้ร่วมกันเข้าไปทำร้ายร่างกายและข้าวของอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายภายในบ้านของนางปารีฉัตร สายเกิด อายุ 50 ปี แม่ค้าขนมหวาน ซึ่งเป็นลูกหนี้เงินกู้นอกระบบของนายชุติเทพ ส่งผลให้นายฉัตรชัย คารีวงศ์ และนายสมชาย เกิดสาย ได้รับบาดเจ็บ ก่อนหลบหนีไป จนนางปารีฉัตร ผู้บริหารของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต้องออกมาให้การช่วยเหลือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ รีบหาเบาะแสจนทราบว่าเป็นฝีมือกลุ่มผู้ต้องหา จึงพยายามกดดันจนกลุ่มผู้ต้องหายอมออกมามอบตัวในที่สุด
       
       ด้านนายชุติเทพรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของเงินทุนที่นำมาปล่อยกู้ เพราะเคยรับจ้างทวงหนี้เงินกู้นอกระบบมาแล้วตอนอยู่ที่ จ.ระยอง โดยพยายามจดจำวิธีการทำมาจากลูกพี่เก่า จากนั้นเมื่อเก็บเงินได้ประมาณ 80,000 บาท จึงแยกตัวมาปล่อยเงินกู้เอง คิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ซึ่งที่ผ่านมาเพิ่งปล่อยไปได้ประมาณ 4 เดือน แต่กลับถูกลูกหนี้เบี้ยวจ่ายดอกจึงเกิดความโมโห ก่อนเกิดเหตุตั้งวงกินเหล้ากับกลุ่มเพื่อน เมื่อเมาได้ที่จึงโทรศัพท์ไปทวงหนี้กับผู้เสียหาย เมื่อถูกปฏิเสธจึงพาพรรคพวกไปก่อเหตุดังกล่าว
       
       ขณะที่ พ.ต.อ.เจริญกล่าวว่า ตามแนวทางการสืบสวนในเชิงลึกของเจ้าหน้าที่ทราบว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้ เคยเป็นอดีตลูกน้องของนายโรจน์ นายทุนแก๊งเงินกู้รายใหญ่ย่านเมืองนนทบุรี แต่ได้แยกตัวออกมาทำเอง ซึ่งขณะนี้ทราบว่ายังมีผู้ต้องหาหลบหนีอยู่อีกประมาณ 5 คน คงต้องมีการขยายผลออกหมายจับเพื่อจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือต่อไป
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว นายสมชาย เกิดสาย ซึ่งถูกกลุ่มผู้ต้องหาทำร้ายที่แขนซ้าย ได้เกิดความโมโห และเดินเข้ามาชี้ตัวคนที่ทำร้ายตนเอง จากนั้นได้ใช้หลังมือขวาตบเข้าที่หลังศีรษะไป 1 ครั้ง จนเจ้าหน้าที่ต้องรีบนำตัวออกไปจากการแถลงข่าวทันที
       
       ต่อมา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และเลขาธิการ ป.ป.ส. เดินทางมาร่วมแถลงข่าวพร้อมกับนำอุกรณ์การตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจหาสารเสพติดในร่างกายของผู้ต้องหาด้วย จากนั้นได้มีการอบรมให้ความรู้แก่ผู้ต้องหา พร้อมแสดงความห่วงใย เนื่องจากส่วนใหญ่ยังเป็นเยาวชน
       
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายชุติเทพ ประกอบด้วย ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยคิดอัตราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ส่วนผู้ต้องหารายอื่นถูกแจ้งข้อหาร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ คุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
รวบแก๊งต่างชาติปลอมเอทีเอ็ม
วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 เวลา 16:46 น.
-http://www.dailynews.co.th/crime/234571-








สตม.รวบแก๊งต่างชาติเตรียมติดกล้องจิ๋วดูรหัสบัตรเอทีเอ็มคนไทย ก่อนนำไปใส่บัตรปลอมกดนอกประเทศ




           เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เขตสาทร พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ณัฐธร เพราะสุนทร รอง ผบช.สตม.  ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายโรบิน จอร์น ฟอล์คเนอร์ อายุ 25 ปี สัญชาติอังกฤษ นายเดวิด แอนเดย์เซ่น อีแวนส์ อายุ 26 ปี สัญชาติอังกฤษ นายฟาง เกิง เหนียน อายุ 27 ปี สัญชาติ ไต้หวัน พร้อมของกลางบัตรอิเล็กทรอนิกส์  332 ใบ  เงินสด  760,900 บาท เครื่องสกิมเมอร์  1 เครื่อง โดยจับกุมนายโรบิน และนายเดวิดได้ที่บริเวณซอยลาซาล 10  ก่อนขยายผลจับกุมนายฟาง ได้ที่บริเวณซอยลาซาล 28 
           พล.ต.ท.ภาณุ กล่าวว่า  ชุดสืบสวนได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ธ.กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ว่ามีแก๊งชาวต่างชาติลักลอบปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์  ก่อนนำมาใช้ในพื้นที่จ.สมุทรปราการ รอยต่อ เขตบางนา จึงได้วางแผนเพื่อทำการจับกุม โดยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตตามจุดเสี่ยงต่างๆในซอยลาซาล และพื้นที่ข้างเคียง กระทั่งพบชายต่างชาติต้องสงสัย ทราบชื่อต่อมาคือนายโรบิน กับนายเดวิด สวมหมวกนิรภัย ขี่จยย. ยามาฮ่า นูโว มากดเงินที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกสิกรไทย บริเวณซอยลาซาล 10 เขตบางนา  จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมหลายใบภายในกระเป๋าคาดเอว  จึงจับกุมทั้งสอง พร้อมขยายผลจับกุมนายฟาง เพื่อนร่วมทีมได้อีก 1 คน ที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย หน้าร้านซีพีเฟรชมาร์ท ซอยลาซาล 28 ขณะกำลังกดเงิน จึงทำการจับกุม จากนั้นขยายผลไปตรวจค้นภายในห้องพักย่านถนนสุขุมวิท 64 ซอยสิริวานิช พบเครื่องสกิมเมอร์ ติดกล้องขนาดเล็ก สำหรับติดไว้ที่หน้าตู้เอทีเอ็ม รวมมูลค่าความเสียหาย 3 ล้านบาท
            พล.ต.ท.ภาณุ กล่าวต่อไปอีกว่า พฤติการณ์ของกลุ่มคนร้ายรายนี้ จะนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่แฮ็กข้อมูลมาจากต่างประเทศแล้วนำข้อมูลใส่ในบัตร จากนั้นจะนำบัตรมากดในประเทศไทย สร้างความเสียหาย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เจ้าหน้าที่พบเครื่องสกิมเมอร์ติดกล้องขนาดเล็กเอาไว้   คาดว่าคนร้ายน่าจะวางแผนนำเครื่องดังกล่าวมาใช้ในประเทศไทย โดยนำมาแฮ็กข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของคนไทย และติดกล้องเพื่อให้ดูรหัสบัตร จากนั้นก็จะนำข้อมูลที่แฮ็กได้ใส่บัตร นำไปกดในต่างประเทศ  แต่โชคดีที่คนร้ายรายนี้ยังไม่ได้ข้อมูลบัตรในระเทศไทยไป   อย่างไรก็ตาม ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนว่า ต้องระมัดระวังการกดเอทีเอ็มแต่ละครั้ง แนะนำให้เอามือปิดบังไว้ไม่ให้บุคคลอื่น หรือกล้อง เห็นรหัสบัตร  เพราะรหัสถือเป็นสิ่งสำคัญ หากคนร้ายได้ทั้งข้อมูลและรหัสไป ก็จะง่ายในการนำไปกดเงิน นอกจากนี้ หากพบสิ่งผิดปกติที่ตู้เอทีเอ็ม ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือธนาคาร เพื่อทำการตรวจสอบทันที เพราะคนร้ายอาจนำอุปกรณ์มาติดไว้
            จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพว่า  เริ่มกระทำผิดมาตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. สำหรับเงินที่กดมาได้จะนำไปใช้จ่ายกันเอง บางส่วนก็จะแบ่งให้ญาติ  ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติทั้งสาม ไม่พบการทำความผิดก่อนหน้านี้ มีเพียงนายฟาง ที่อยู่ในประเทศไทยเกินวีซ่า  ส่วนรายละเอียดอื่นๆนั้น อยู่ระหว่างสอบสวนของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นแจ้งข้อหา ปลอมและใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม ควบคุมตัวส่งพงส.สน.บางนา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด

แกะรอยยักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน
วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2556 เวลา 16:38 น.
-http://www.dailynews.co.th/crime/234759-



ดีเอสไอยันเดินหน้าแกะรอย ยักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ขณะที่ ปปง.เผยพบหลักฐานการโอนเงินออก 60 ล้าน ร่วมลงทุนทําสายการบินแต่เจ๊ง สหกรณ์ฯนัดสมาชิกประชุมสางปัญหาพรุ่งนี้




เมื่อวันที่ 21 ก.ย. นายกิตติก้อง คณาจันทร์ ผอ.ศูนย์ปราบปรามคดีฟอกเงินและยาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน คดีผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นและพวก ร่วมกันยักยอกทรัพย์กว่า 12,000 ล้านบาท เปิดเผยความคืบหน้าหลังที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมของสำนักงานป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) มีมติให้อายัดทรัพย์ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานสหกรณ์ฯ เพิ่มเติมจํานวน 37 รายการ มูลค่ากว่า 227ล้านบาท และเห็นชอบให้ปปง.คุ้มครองสิทธิผู้เสียหายด้วยการนำทรัพย์สินที่อายัดออกไป ขายเพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่องให้สหกรณ์ว่า ทรัพย์สินของนายศุภชัยที่ปปง.ดำเนินการส่วนใหญ่เป็นที่ดินซึ่งหลายรายการได้ มาตั้งแต่ปี 2540-2541 ซึ่งขณะนั้นนายศุภชัยยังไม่ได้เป็น ประธานสหกรณ์ฯ แต่ต้องมีการพิสูจน์ต่อไปว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการฉ้อโกงหรือไม่ ส่วนที่อายัดเพิ่มเติมพบเอกสารหลักฐานว่ามาจากการยักยอกในช่วงที่เข้ามาบริ หารงานสหกรณ์ช่วงปี 2550-2551

นายกิตติก้อง ยังกล่าวถึงกรณีการสอบปากคํา นายวัฒชานนท์ นวอิศรารักษ์ ประธานกลุ่มบริษัท รัฐประชา และ ประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนรัฐประชา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริหาร บริษัทจํานวน 27 แห่งที่อ้างว่าถูกปลอมลายมือชื่อเพื่อกู้เงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนนั้น เบื้องต้นนายวัฒชานนท์ปฎิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องและถูกปลอมลายมือชื่อโดยนาย วัฒชานนท์ได้แจ้งความ และยื่นฟ้องนายศุภชัยไปแล้ว ประเด็นสําคัญที่ต้องสอบสวนต่อคือการที่นายวัฒชานนท์มีรายได้จากการได้รับ ค่าคอมมิชชั่นจากการหาสมาชิกนำเงินมาฝากกับสหกรณ์ฯโดยได้รับค่าตอบแทน 10% ของยอดเงินฝาก

แหล่งข่าวชุดพนักงานสอบสวนจาก ปปง.เปิดเผยว่า สําหรับทรัพย์สินที่ปปง. ทําการอายัดเพิ่มเติมส่วนใหญ่เป็นของนายศุภชัย และอดีตผู้ช่วยรมว.คลังซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริหารของสหกรณ์ ซึ่งขณะนี้ปปง. ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และพบเอกสารหลักฐานเป็นเช็คว่ามีการสั่งเช็คจํานวน 60 ล้านบาท และเงินจํานวนนี้มีการนําไปลงทุน ในสายการบิน u - airline ซึ่งเป็นหนึ่งในการลงทุนในเครือ u group , u bank , u life และ u inter ทั้งนี้ พบว่าสายการบิน u - airline เป็นสายการบินที่บินตรงจาก กรุงเทพฯไปดูไบ เกาหลีใต้ และอีกหลายประเทศ แต่ล่าสุด สายการบินดังกล่าวปิดกิจการไปแล้วและคาดว่าเงินที่ได้ยักยอกไปจะนําไปลงทุน ในกิจการดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้(22ก.ย.) สหกรณ์ฯได้นัดประชุมสมาชิกที่โรงเรียนบ้านบางกะปิ เพื่อติดตามสถานการณ์และหาข้อตกลงร่วมกัน โดยจะมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอไปร่วมชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินคดีและตั้งโต๊ะ รับเรื่องร้องเรียนด้วย..


http://www.dailynews.co.th/crime/234759
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
พบหลักฐานหลอกเหยื่อโอนเงินแลกใบปริญญา กคพ.สั่งฟัน 7 ผู้ก่อตั้ง ม.สันติภาพโลก
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1379752564&grpid=00&catid=&subcatid=-

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  เมื่อวันที่ 21 กันยายน  พ.ต.ท.ศักกพล สุขปาน หัวหน้าสำนักสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก และการดำเนินกิจการของมหาวิทยาลัย กล่าวถึงความคืบหน้าคดี ว่า ขณะนี้มติคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ลงความเห็นให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมก่อตั้ง ม.สันติภาพโลกที่มีนายสวัสดิ์ บันเทิงสุข เป็นอธิการบดีฯ เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มอีก จำนวน 7 รายข้อหา ร่วมตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนผิดกฎหมาย ,ฉ้อโกงประชาชน และ กระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในการลงข้อความโฆษณาให้ประชาชนหลงเชื่อว่ามหาวิทยาลัยสันติภาพโลก มีศักดิ์และสิทธิเทียบเท่ามหาวิทยาลัยเอกชน รวมถึงมีการเก็บเงินในการมอบปริญญาฯ และการสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการมอบใบประกาศวุฒิการศึกษา (ป.เอก) ให้ผู้มีชื่อเสียง หลังพบหลักฐานเส้นทางการโอนเงินของผู้เสียหายที่โอนให้กับกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อแลกกับใบปริญญาเอก รายละ  30,000 - 150,000 บาท  อย่างไรก็ตามดีเอสไอจะส่งหมายเรียกให้บุคคลทั้ง 7 มารับทราบข้อกล่าวหาได้ภายในเดือนตุลาคมนี้


พ.ต.ท.ศักกพล กล่าวต่อว่า สำหรับความเคลื่อนไหวในการแจกปริญญาดุษฎีบัณฑิตให้กับประชาชน ดารา นักแสดงที่สร้างชื่อเสียงให้กับสังคมประเทศของ ม.สันติภาพโลกนั้น พบว่ายังมีความพยายามจัดงานแจกใบปริญญาดังกล่าวให้กับประชาชนอยู่ โดยสืบพบมีการจัดเตรียมสถานที่ เสื้อครุย และกลุ่มคนที่จะเข้ารับปริญญาไว้พร้อม  โดยได้นัดมอบปริญญาดังกล่าวกันในเมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งทางดีเอสไอก็จะติดตามดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด หากพบมีการแอบอ้างในส่วนที่ขัดต่อกฎหมายไทยจะดำเนินคดีเพิ่มเติมทันที


"การดำเนินคดีกับกุล่มที่ก่อตั้ง ม.สันติภาพโลก สาขา 2 ของ นายศุภณัฐ ดอนจันทร์ และนายเรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์ นั้นยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งเบื้องต้นได้ตรวจพบหลักฐานเส้นทางการเงินจำนวนนับล้านบาท ซึ่งเป็นเงินของผู้เสียหายโอนเข้าบัญชีและเข้ามูลนิธิศรัทธาเพื่อแลกกับใบปริญญา คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษได้ภายในเดือนกันยายนนี้"   พ.ต.ท.ศักกพล กล่าว

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ร้องปวีณาถูกทวงหนี้โหดปีนบ้านไล่ซ้อมถึงห้องนอน
-http://www.dailynews.co.th/thailand/238120-



สาวใหญ่ลูกหนี้เงินกู้นอกระบบ โร่ร้องปวีณาช่วยเหลือ หลังโดนเจ้าหนี้โหดปีนเข้าบ้าน ทวงเงินถึงในห้องนอน พอไม่ได้ดังใจก็เข้าทำร้ายร่างกายจนบอบช้ำไปทั้งตัว





เมื่อวันที่ 5 ต.ค. นางปาน  (นามสมมุติ) อายุ 47 ปี  ชาวจังหวัดระยอง  เข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจาก นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและ ว่า ได้ถูกเจ้าหนี้ปล่อยเงินกู้นอกระบบ บุกปีนเข้าไปในบ้านถึงในห้องนอนทวงหนี้ 1.5 หมื่นบาท แต่เนื่องจากยังไม่มีให้ เลยถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ

นางปาน (นามสมมุติ) กล่าวว่า ตนมีอาชีพตัดเย็บชุดยูนิฟอร์มให้กับพนักงานในสนามกอล์ฟ เมื่อช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาตนมีความจำเป็นเรื่องเงินจึงหากู้เงิน มีคนแนะนำให้ไปกู้ที่นางพร (นามสมมุติ) ซึ่งมีอาชีพปล่อยเงินกู้ และเป็นที่รู้จักกันดีใน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง  เพราะเป็นคนปล่อยเงินกู้รายใหญ่ ดอกเบี้ยรายวัน ร้อยละ 20 บาท แต่ส่วนของตนมีรถไปคำประกันจึงเหลือดอกเบี้ยแค่ ร้อยละ 10  ต่อเดือน เมื่อไปติดต่อขอกู้เงิน 3 แสนบาท นางพรก็ตกลงโดยให้เอารถกระบะมาจอดจำนำไว้ด้วย และตนได้รับเงินมาเพียงจำนวน  2.7 แสนบาท เพราะถูกหักดอกเดือนแรกไปก่อน 3 หมื่นบาท ซึ่งสามีตนรับราชการกำลังรอกู้เงินสหกรณ์ถ้าได้เงินก็จะรีบมาไถ่ถอนทันที

จนกระทั่ง ผ่านมาได้ 4 เดือน ตนเองต้องจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 3 หมื่นบาท รวมเป็นเงิน 1.2 แสนบาท กระทั่งช่วงเดือน พ.ค. 56  ตนเองก็ป่วยเป็นโรคกรวยไตอักเสบ ต้องเข้าออกรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็กพระนางเจ้าศิริกิตจึงไม่สามารถทำงานหาเงินและขาดส่งดอกเบี้ยราย เดือนละ 3 หมื่นบาทได้ จึงเจรจากับนางพรขอให้เอาดอกเบี้ยของเดือนที่ค้างมารวมกับเงินต้น ทำให้ต้องหมุนเงินไปมา เสียแต่ดอกเบี้ยตกวันละ 900 บาท

ต่อมาวันที่ 8 มิ.ย.56 สามีของตนเอง ได้กู้เงินสหกรณ์เพื่อนำไปชำระให้กับ นางพร 285,000 บาท แต่ยังไม่ครบจำนวนเงินกู้ในบัญชีของนางพร เพราะยังมีส่วนเกินที่เป็นดอกเบี้ย ทำให้มียอดค้างอยู่อีก จำนวน 15,000 บาท และได้นำรถกระบะกลับ แต่สัญญาเงินกู้ นางพรยังไม่ได้ยกเลิกเพราะยังจ่ายเงินต้นไม่ครบ และตนเองขอเจรจากับนางพร เพื่อขอเวลาหาเงินสักระยะก่อน แต่นางพรก็บอกกับตนว่าไม่ได้จะต้องหามาจ่ายให้โดยเร็ว จากนั้นนางพร จึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปที่สามีของตน และบอกว่าให้นำเงินมาชำระ ทางด้านสามีตนก็พยายามเจรจากับนางพร เพื่อขอเวลาหาเงินเช่นกัน แต่ก็ถูกนางพรต่อว่า ด่าเสียๆ หายๆ

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.00 น. ขณะที่ตนเองอยู่ในบ้านเพียงคนเดียว ได้มีนายกอล์ฟ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นสามีของนางพร กับพวกรวม 3 คน มาตะโกนเรียกตนอยู่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งตนคิดว่าไม่ปลอดภัยแน่ จึงได้โทรศัพท์แจ้งเพื่อนที่รู้จักกันทราบ โดยเพื่อนได้โทรแจ้งตำรวจในพื้นที่ให้ แต่ตนยังไม่ทันได้ไปเปิดประตูนายกอล์ฟ ได้ปีนเข้ามาภายในบ้านและบุกเข้าไปในห้องนอนในบ้านของตน ทวงถามถึงหนี้ที่ตนค้างอยู่

เมื่อตนเองบอกว่ายังหาเงินไม่ได้ และ พยายามอ้อนวอนขอเวลาหาเงิน แต่นายกอล์ฟกลับใช้เท้าเตะเข้าที่ใบหน้า ก่อนเข้าตบตีซ้้ำได้รับบาดเจ็บไปทั้วร่าง พร้อมกับข่มขู่ว่าจะทำอะไรตนก็ได้ และยังใช้โทรศัพท์โทรเรียกเพื่อนให้เข้ามาอีก 2-3 คน เพื่อทำทีให้กลุ่มเพื่อนเฝ้าตนเองไว้ก่อนทั้งหมดจะหลบหนีไป ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านฉาง ได้เข้ามาที่บ้าน พบว่าตนเองถูกทำร้ายจริง จึงส่งตัวไปยัง รพ.บ้านฉางทำการรักษา มีบาดแผลฟกช้ำตามใบหน้าและตามลำตัว บริเวณหัวคิวแตกต้องเย็บถึง 7 เข็ม ก่อนจะเข้าแจ้งความภายหลัง

อย่างไรก็ตามตนเองกับสามีก็ไม่กล้าที่จะกลับไปอยู่ที่บ้านที่เกิดเหตุอีก ต้องหลบซ่อนไปอาศัยตามบ้านญาติ คนรู้จัก เนื่องจากกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะพฤติกรรมของนางพรและนายกอล์ฟนั้นอุกอาจ ทวงหนี้โหดทำร้ายร่างกายเป็นที่รู้กันทั่ว แต่ไม่มีใครกล้าแจ้งความ ตนจึงตัดสินใจเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจากนางปวีณา ขอให้ช่วยเหลือด้วย

ภายหลังรับเรื่องนางปวีณา หงสกุล รมว.พม.และประธานมูลนิธิปวีณากล่าวว่า เรื่องปล่อยเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหดและมีการทำร้ายข่มขู่ลูกหนี้ เกิดขึ้นมากในทั่วทุกข์พื้นที่ จำเป็นต้องมีมาตรการเด็กขาดกับกลุ่มผู้ปล่อยเงินกู้ ดอกเบี้ยโหดอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอีกจำเป็นที่จะต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

ขณะนี้ได้ประสานไปยังพล.ต.ต.สมนึก บุรมิ ผบก.จ.ระยอง และ พ.ต.อ.เทอดเกียรติ  วิริยสถิตย์กุล  ผกก.สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง  เพื่อเร่งดำเนินการติดตามผู้กระทำผิดหรือเจ้าหนี้นอกระบบมาดำเนินคดีโดยเร็ว ส่วนความเป็นอยู่ของผู้เสียหายนั้นทางมูลนิธิปวีณาฯและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะดูแลอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมจังหวัดระยองไปเยี่ยมบ้าน และให้ความช่วยเหลือ ทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลเรื่องความปลอดภัยและแจ้งความคืบหน้าด้านคดีกลับมาให้ทราบด้วยต่อไป

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ปปง.-กลต.เร่งสอบแคลิฟอร์เนีย ว้าว

-http://www.posttoday.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/227894/%E0%B8%9B%E0%B8%9B%E0%B8%87-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%95-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2-%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7-




กล.ต.-ปปง.สอบเส้นทางการเงิน"แคลิฟอร์เนีย ว้าว" หลังพบเข้าข่ายฉ้อโกง สาวลึกถึงผู้สอบบัญชี

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า กำลังประสานงานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินของ บริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ (CAWOW) หลังพบว่า บริษัทดังกล่าวมีพฤติการณ์เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน โดยจะตรวจสอบงบดุลของบริษัทย้อนหลัง

นอกจากนี้ ยังพบว่างบดุลของบริษัท มีการเซ็นรับรองโดยผู้สอบบัญชีรายหนึ่ง จึงต้องดูว่าการตรวจสอบบัญชีนั้นถูกต้องหรือไม่ มีข้อผิดพลาดอะไร รวมทั้งต้องใช้กฎหมายใดดำเนินการ

ด้านกรมบังคับคดี เปิดรับยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของ บริษัท แคลิฟอเนียร์ ว้าวฯ โดยเปิดให้ลูกค้า เจ้าหนี้ ยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ที่กรมบังคับคดี ฝ่ายคำคู่ความ ชั้น 2 แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ซึ่งตามข้อมูลพบว่ามีลูกค้าร่วม 7 หมื่นราย





ก.ล.ต.พร้อมสอบกรณีแคลิฟอร์เนียว้าวให้ถึงที่สุด

-http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20130610/510324/%E0%B8%81.%E0%B8%A5.%E0%B8%95.%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94.html-



นายธวัชชัย พิทยโสภณ ผู้อำนวยการฝ่ายงานเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ขณะนี้ ก.ล.ต.ยังไม่ได้รับเรื่องจากคณะกรรมการป้อง กันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรณีให้เข้าตรวจสอบข้อมูลของบริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด (มหาชน) (CAWOW) หลัง ปปง.ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของ CAWOW พบว่าบริษัทดังกล่าว มีพฤติการณ์เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่เริ่มต้นกิจการ และพบการยักยอกเงินออกนอกประเทศรวมกว่า 1.6 พันล้านบาท

"ยังไม่ได้รับเรื่องนี้ แต่คาดว่าจะมีการประสานงานกันในเรื่องนี้ระหว่าง ก.ล.ต.กับ ปปง. เพราะว่าเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันในด้านกฎหมาย เราประสานกันอยู่แล้ว ในส่วนของ ก.ล.ต.มีข้อมูลใดที่เราต้องดูเพิ่มเติมบ้าง คงเป็นในแง่ที่เกี่ยวกับ บจ. แต่ตอนนี้ยังบอกชัดเจนไม่ได้ แต่ดูจากข่าวก็เป็นเรื่องงบการเงิน แต่ยังพูดไม่ได้ เพราะเราต้องได้รับข้อมูลก่อน และเราจะตรวจสอบให้ถึงที่สุด แต่บอกไม่ได้ว่าต้องใช้เวลานานเพียงใด ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของข้อมูล"

ทั้งนี้ ยอมรับว่า ก.ล.ต.ไม่สามารถตรวจสอบการกระทำความผิดของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ได้ทุกกรณี และไม่สามารถให้ความมั่นใจผู้ลงทุนได้ 100% เนื่องจากมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ดี แต่อาจจะมีบ้างในบางบริษัทที่มีปัญหา

"ในแง่ของการป้องกันผู้ลงทุนไม่ให้เกิดความเสียหายจากาการลงทุน ก็ต้องยอมรับว่าในระดับใดๆ ไม่สามารถป้องกันได้ 100% และกรณีของ CAWOW ก็ยังไม่ได้ฟันธงว่าผิดหรือไม่ อย่างไร แต่มันก็ไม่มีระบบอะไรที่ป้องกันได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งถ้าเป็นเรื่องของงบการเงิน ก็ถือว่าเป็นเรื่องของผู้สอบบัญชี แต่ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรที่ป้องกัน 100%"

เปิดผลสอบ "แคลิฟอร์เนีย ว้าว" ไม่พบทุจริต "ก.ล.ต.-ดีเอสไอ" หยุดการตรวจสอบแล้ว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    6 ตุลาคม 2556 23:44 น.
-http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000125680-

เปิดผลสอบ "แคลิฟอร์เนีย ว้าว" ไม่พบทุจริต กรณีโอนเงินของคณะกรรมการ หรือผู้บริหารออกไปยังต่างประเทศ "ก.ล.ต.-ดีเอสไอ" หยุดตรวจสอบแล้ว คาดหาก "เอริค เลอวีน" มีการโอนเงินออกไปต่างประเทศสูงถึง 1,700 ล้านบาท ตามที่สมาชิกร้องเรียนจริง เชื่อว่าจะสามารถตรวจสอบหาหลักฐานได้ไม่ยากนัก
       
       นายธวัชชัย พิทยโสภณ ผู้อำนวยการฝ่ายงานเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ตรวจสอบไม่พบข้อมูลหลักฐาน ที่บ่งชี้ว่าได้มีการกระทำทุจริต ของบริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ CAWOW จากก่อนหน้าผู้ตรวจสอบบัญชีได้ตั้งข้อสังเกตแสดงความเห็นถึงฐานะของบริษัทว่ากำลังประสบปัญหา
       
       ขณะที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งมีข้อมูลพบรายการโอนเงินออกไปต่างประเทศ เป็นผู้มีหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามีการกระทำผิดหรือไม่ โดยขณะนี้ ปปง.ยังไม่มีการส่งข้อมูลดังกล่าวมายัง ก.ล.ต.
       
       “ก.ล.ต.ตรวจสอบกรณีของบริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว ที่ได้หารือร่วมกับผู้สอบบัญชี ถึงตอนนี้ไม่พบข้อมูลว่าบ่งบอกว่ามีการทุจริต ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากกิจการของบริษัท ทำให้ลูกค้าสมาชิกที่ได้รับผลกระทบเข้า ร้องเรียน ถ้า ปปง.ซึ่งเป็นผู้ตรวจเส้นทางการเงินมีข้อมูลเพิ่มส่งเข้ามาให้ ก.ล.ต.ก็พร้อมร่วมมือดำเนินการต่อ”
       
       ด้านรายงานข่าวจากวงการตลาดทุน ระบุว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบกรณีบริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว ทั้ง ก.ล.ต.และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ยุติการสอบสวนแล้ว หลังได้ผลตรวจสอบออกมาว่าไม่พบการกระทำความผิดในกรณีโอนเงินของคณะกรรมการ หรือผู้บริหารออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งหากมีการโอนเงินออกไปต่างประเทศสูงถึง 1,700 ล้านบาท ที่สมาชิกร้องเรียนจริง เชื่อว่าจะสามารถตรวจสอบหาหลักฐานได้ไม่ยากนัก
       
       ทั้งนี้ ก.ล.ต.ได้มีการตั้งและ ส่งทีมงานผู้เชี่ยวชาญและมีบุคลากรที่เป็นอดีตตำรวจเพื่อไปตรวจสอบในเชิงลึก แต่ก็ไม่พบความผิดตามที่ได้มีการกล่าวหา
       
       สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2553-2554 ก่อนบริษัทจะประสบปัญหาทางธุรกิจ มีรายได้ต่อปีที่ไม่สูง โดยยังไม่หักค่าใช้จ่ายที่ประมาณ 600-700 ล้านบาท ประกอบกับในช่วงธุรกิจมีปัญหา นายเอริค เลอวีน ในฐานะ ผู้บริหารและผู้ถือหุ้น ยังใส่เงินส่วนตัวเข้าช่วยธุรกิจให้อยู่รอด


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
‘จ๊อด เชิญยิ้ม‘ โร่แจ้งความถูกให้ค้ำเงินกู้

-http://news.sanook.com/1263377/%E0%B8%88%E0%B9%8A%E0%B8%AD%E0%B8%94-%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A1-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B9%891/-





จ๊อด เชิญยิ้ม โร่แจ้งความ หลังถูกหลอกให้ค้ำประกัน กู้เงินนอกระบบเกือบ 200,000 บาท

นายสุราษฎ์ ผ่องอินทรีกุล หรือ จ๊อด เชิญยิ้ม อายุ 53 ปี พร้อมภรรยาและเพื่อนบ้าน เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.วิชิต ผังคี ร้อยเวรสอบสวน สภ.ปากเกร็ด พร้อมด้วย พ.ต.อ.นฤนาท พุทไธสง ผกก.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.โสวัชร์ ไชยสงคราม รอง ผกก.สส.สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยอ้างว่าถูก น.ส.ยุพา แสงทองคำ อายุ 47 ปี เจ้าของร้านตัดผม ยุบาร์เบอร์ เขตหลักสี่ กทม. หลอกให้ค้ำประกันเงินกู้และกู้เงินนอกระบบให้เป็นเงินจำนวนเกือบ 200,000 บาท แลัวหลบหนีไป

จากการสอบสวน นายจ๊อด เชิญยิ้ม ทราบว่า ตนพร้อมพวกค้ำประกันให้ น.ส.ยุพา รวมเจ้าหน้าที่กว่า 10 ราย และพวกตนต้องใช้หนี้แทน วันละ 4,000 บาท ทำให้ครอบครัวลำบากต้องมาใช้หนี้แทน จึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะกลัวเจ้าหนี้ทั้งหลายจะมาข่มขู่ทำร้ายตนและครอบครัว

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว และจะทำการสืบสวนถึงรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง ถึงจะชี้แจงขั้นตอนว่ามีส่วนไหนที่ทางกฎหมายแพ่งและอาญาจะสามารถดำเนินคดีต่อไปได้


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ซิมฟรี ไม่มีในโลก!? ข้อควรระวังในการรับซิมฟรีรายเดือน

-http://hitech.sanook.com/1387580/%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99/-


ซิมฟรี ไม่มีในโลก!? ข้อควรระวังในการรับซิมฟรีรายเดือน

วันนี้ทางทีมงาน Sanook! Hitech ขอนำเสนอบทความดีๆ จากทาง www.it24hrs.com แม้จะไม่ใช่บทความใหม่นัก แต่เรื่องของ การแจกซิมฟรี ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราอยู่เสมอ..............

หากคุณเดินทางไปยังตลาด บริเวณท่ารถทัวร์ หรือบูธกิจกรรมด้านนอก จะเห็นกิจกรรมที่ผู้ให้บริการมือถือบางรายทำกันคือ แจกซิมฟรี ซึ่งซิมส่วนใหญ่เป็นซิมรายเดือนด้วย

iT24Hrs ไอที24ชั่วโมง 14June2012
iT24Hrs ไอที24ชั่วโมง 14June2012

iT24Hrs ไอที24ชั่วโมง 14June2012
-http://www.youtube.com/watch?v=9AkpQDpHZP4-


แต่หลังจากรับซิมมาแล้วแม้ไม่ได้โทรเปิดใช้บริการ บิลค่าโทรศัพท์ก็มาถึงบ้านทันที ซีงกรณีนี้โดนกันมาแล้วหลายราย เป็นกรณีเดียวกันกับการ์ตูนนี้















จากการ์ตูนด้านบนนี้ หลายท่านคงเคยเจอเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้มาแล้ว
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนรับซิมฟรีมีดังนี้

    ซิมฟรีที่จะรับนี้ เป็นของค่ายผู้ให้บริการมือถือรายใด ?  เป็นรายเดือนหรือเติมเงิน , โปรโมชั่นอะไร ?
    สอบถามว่าที่มาของซิมมาจากไหน? มาจากผู้ให้บริการมือถือโดยตรงหรือเปล่า ?  น่าเชื่อถือมั้ย ? หากไม่ใช่มาจากผู้ให้บริการมือถือโดยตรง ก็อย่ารับ
    สอบถามให้ชัดเจนว่าถ้าซิมหายทำอย่างไร ? ซึ่งถ้าคุณสมัครเป็นรายเดือนจะต้องแจ้งเป็นหนังสือเพื่อยกเลิกบริการที่ ลูกค้าสัมพันธ์ ของค่ายผู้ให้บริการมือถือที่ท่านสมัครรับซิมรายเดือน มิฉะนั้นจะมีใบแจ้งหนี้มาทุกเดือนทั้งๆที่ไม่ได้เปิดใช้งานซิม
    หากคุณตัดสินใจรับซิมรายเดือน จะต้องอ่านพิจารณาสัญญาก่อนลงมือเซ็นชื่อรับสัญญาด้วยตัวคุณเอง (แนะนำอย่างเพิ่งให้เอกสารสำคัญ เช่นสำเนาบัตรประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่ ในกรณีหากเจ้าหน้าที่ยังไม่นำรายละเอียดสัญญามาให้อ่าน เพราะ หากส่งสำเนาบัตรประชาชนหรือบัตรประชาชนแล้ว เจ้าหน้าที่จะกรอกข้อมูลและเซ็นเองได้)
    หลังจากเซ็นสัญญาแล้ว ต้องเก็บสำเนาเอกสารสัญญา และเก็บข้อมูลที่อยู่ของผู้ประกอบการเป็นหลักฐานว่า ได้ซื้อซิมจากใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ ราคาเท่าไหร่ ?
    เก็บใบเสร็จ , ใบแจ้งหนี้ คำรับรอง ตลอดจนใบปลิวโฆษณาแผ่นพับช่วงที่รับซิมฟรีนั้นไว้ด้วย เพราะเป็นส่วนหนึ่งของหลักฐานที่สามารถสืบพยานได้

ซิมฟรีไม่มีในโลก!!! กิจกรรมที่ทางผู้ให้บริการมือถือแจกซิมฟรีนั้นเป็นการทำเพื่อขายฐานลูกค้า อย่างรวดเร็วอย่างเดียว แม้คุณจะไม่ต้องเสียค่าซิม แต่ก็ต้องระวังตั้งแต่การรับซิม ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้แกะซิมมาเปิดใช้บริการ การให้ข้อมูลเอกสารสำคัญอย่างสำเนาบัตรประชาชน ก็ถือว่าเปิดใช้บริการแล้ว และหากคุณรับซิมฟรีนี้จะต้องมีใบสัญญาและข้อมูลจากผู้ประกอบการที่แจกซิมฟรี นี้เก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย!!

ข้อมูลและภาพจาก หนังสือ  ”โทร  เท่าทัน” โดยกลุ่มงานรับเรื่องร้องเรียนและคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (เปลี่ยนชื่อจากชื่อเดิมคือ สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม )

สนับสนุนเนื้อหา: www.facebook.com/it24hrs, www.it24hrs.com


http://hitech.sanook.com/1387580/%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99/

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)