ผู้เขียน หัวข้อ: ระวังถูกหลอกและเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ของใกล้ตัว  (อ่าน 68953 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
แฉ! แก๊งสกิมเมอร์


http://www.youtube.com/watch?v=7VxNHoeLaVU#t=12

-http://www.youtube.com/watch?v=7VxNHoeLaVU#t=12-
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
รวบเจ้าพ่อเงินกู้วัย 18 ปล่อยกู้นอกระบบ กวาดเดือนละ 2 แสน

-http://hilight.kapook.com/view/104676-




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  ข่าวสด

           โจ๋ วัย 18 หัวหน้าแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบ ถูกตำรวจจับคาบ้าน อ้างได้ปล่อยเงินกู้นอกระบบมานานนับปีแล้ว มีรายได้ต่อเดือนมากกว่า 2 แสน

           วันนี้ (5 กรกฎาคม 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกเข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 38/157 หมู่บ้านสวนสุวัฒนา พัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังมีชาวบ้านมาร้องเรียนว่า บ้านหลังดังกล่าวมีการลักลอบปล่อยเงินกู้นอกระบบ

           ทั้งนี้ บ้านหลังดังกล่าวเป็นของ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี หัวหน้าเงินกู้นอกระบบ และเจ้าหน้าที่ยังพบสมุดบัญชีลูกค้าเงินกู้เล่มใหญ่จำนวน 4 เล่ม สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทยนับ 10 เล่ม นามบัตรติดต่อเงินกู้นอกระบบ วงเงิน 5,000 บาท ถึง 500,000 บาท ระบุชื่อ มั่งมี เงินทุนธุรกิจ กว่า 1,000 ใบ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง หมวกกันน็อกอีกกว่า 10 ใบ รวมถึงรถจักรยานยนต์อีก 1 คัน เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน

           จากการสอบสวน นายเอ รับสารภาพว่า ลูกค้าเงินกู้นอกระบบส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มแม่ค้า-พ่อค้า และอาชีพรับจ้างทั่วไป โดยจะคิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 บาท ทั้งนี้รายได้ต่อเดือนของตนนั้นมากกว่า 2 แสนบาท และได้แอบลักลอบปล่อยเงินกู้นอกระบบมานานนับปีแล้ว มีลูกน้องในสังกัดคอยวิ่งเก็บเงินกู้ลูกค้า 3-4 คน

           เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้คุมตัว นายเอ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะสอบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป         


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd05EVXlNelkxTUE9PQ==&subcatid=-


-----------------------------------------------------------------------------

น่าจะมีกฎหมายยึดทรัพย์คนพวกนี้  ทั้งครอบครัว  ถ้าหาหลักฐานไม่ได้ว่า เงินหรือทรัพย์สินที่มีอยู่  ไม่มีที่มาที่ไป 

หรือไม่ก็ ทำปืนลั่น  จะได้ไม่เปลืองภาษีอากร

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ขอทานบรรดาศักดิ์ เปิดท้ายรถเก๋งกินข้าวชิล ๆ


-http://hilight.kapook.com/view/104738-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ราตรี แมงกาเบี้ย
       
           แชร์ทั่ว ! ขอทานบรรดาศักดิ์ เปิดท้ายรถเก๋งนั่งกินข้าวชิล ๆ ก่อนเปลี่ยนวีลแชร์ขอทาน ที่องค์พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม

           เป็นภาพที่ถูกส่งต่ออย่างมากในโลกออนไลน์เลยทีเดียว สำหรับภาพของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่กำลังนั่งพักรับประทานอาหาร อยู่ด้านท้ายของรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีดำ ทะเบียน กบ 9100 และใกล้ ๆ กันนั้น มีรถวีลแชร์อยู่ใกล้ ๆ รถด้วย โดยมีข้อความใต้ภาพระบุว่า...

           "พบแล้ว…ขอทานบรรดาศักดิ์ รถเก๋ง ฮอนด้า สีดำ จอดริมรั้ว องค์พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม หญิงชายคู่หนึ่งมีรถวีลแชร์อยู่ข้าง ๆ ถึงเวลาออกทำมาหากินค่อยเปลี่ยนชุดขอทาน ตระเวนออกไปขอทานทั่วองค์พระปฐมเจดีย์ สุดยอดแห่งอาชีพไหมล่ะ / ภาพโดย Whipcream Srisuksai สายข่าว Online..มือฉมัง ค้นพบมา..ศุกร์ที่ 4 ก.ค. 57"

            อย่างไรก็ตาม เมื่อภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก บ้างก็บอกว่ากินดีอยู่ดีกว่าคนทำงานหากินธรรมดา ๆ เสียอีก บางคนก็บอกว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเคยเห็นกรณีนี้มานักต่อนักแล้ว แถมหลังจากเลิกขอทานยังพบตั้งวงเล่นการพนันอีกด้วย






คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ผวาแบงก์พันปลอม ระบาดหนัก เร่ซื้อของร้านค้า-ผู้เสียหายหลายราย


-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd05qTTBNems0TWc9PQ==&sectionid=-






 วันที่ 26 ก.ค. นางสุภาพร สมศรีงาม อายุ 37 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว ขายเครื่องดื่มชาพะยอม หน้าโรงพยาบาลศูนย์ตรัง อยู่บ้านเลขที่ 78 ถ.น้ำผุด ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ข่าวสดว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.00 น. ขณะที่กำลังขายของอยู่ ได้มีลูกค้าลักษณะคล้ายทอมกับผู้หญิงคู่หนึ่ง ทำทีเข้ามาซื้อน้ำในร้าน โดยสั่งชาเย็น 1 แก้ว และใช้ธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จ่ายให้ ซึ่งทางพนักงานในร้านก็รับไว้ โดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่าธนบัตรใบดังกล่าวเป็นของปลอม เพิ่งมาทราบอีกทีก็ตอนที่ปิดร้านและทำบัญชี

 นางสุภาพร กล่าวต่อว่า มิจฉาชีพได้อาศัยช่วงเวลาที่กำลังชุลมุน มีลูกค้าเข้ามาในร้านเยอะ ทำทีเข้ามาซื้อของ โดยใช้ธนบัตรสภาพใหม่เอี่ยม หากไม่สังเกตก็ไม่ทราบว่าเป็นของปลอม จึงอยากฝากเตือนไปยังประชาชนคนอื่น ให้ระมัดระวังไว้ด้วย เพราะทราบว่า ขณะนี้พบแบงก์ปลอมจำนวนมากในพื้นที่ จ.ตรัง มีผู้เสียหายหลายรายแล้ว จึงขอเตือนไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

 ส่วนผู้เสียหายอีกรายคือ น.ส. นิลเนตร เงินศรี อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 325 ม.10 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง กล่าวว่า แม่ค้าขายไก่ทอด 5 ดาว สาขาใกล้กับโลตัส เอ็กซ์เพรส ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง กล่าวว่า เมื่อเวลา 19.40 น. วันที่ 19 ก.ค. มีผู้หญิงเข้ามาซื้อของที่ร้าน ในราคา 37 บาท โดยใช้ธนบัตร ฉบับละ 1,000 บาท หมายเลขบนบัตร 9A 3828862 และเหรียญบาทอีก 7 เหรียญ รวม 1,007 บาท จ่ายให้ผู้เสียหายจึงทอนให้ไป 970 บาท และได้ตรวจสอบอีกครั้ง พบว่าเป็นธนบัตรปลอม จึงรีบเข้ามาแจ้งความ

 นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวรายงาน ในพื้นที่ จ.ตรัง ขณะนี้ทราบว่ามีผู้ได้รับความเดือดร้อนหลายรายแล้ว โดยขณะนี้ที่พบเป็นธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท หมายเลข 9A3828862 ถูกแก๊งมิจฉาชีพนำมาใช้หลายพื้นที่ โดยเฉพาะใน อ.เมืองตรัง และอำเภอใกล้เคียง พฤติกรรม คือ มักจะใช้ธนบัตร 1,000 บาท ครั้งละ 1 ฉบับ เพราะหมายเลขจะเหมือนกัน ผู้เสียหายบางรายก็เข้าแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีแล้ว แต่บางรายก็ยังไม่แจ้ง

 พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผู้บังคับการ ตำรวจภูธร จ.ตรัง กล่าวว่า ขณะนี้ ได้รับการร้องเรียนว่ามีผู้นำธนบัตรปลอมใบละ 1,000 บาทมาใช้ในพื้นที่ จ.ตรังและยังไม่ทราบว่าคนร้ายเป็นใคร ซึ่งตอนนี้ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อเพื่อให้ประชาชนระมัดระวัง เมื่อมีการรับธนบัตรมาให้มีการเปรียบเทียบถึงลักษณะทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ได้สั่งให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทุกพื้นที่หากประชาชนพบผู้ต้องสงสัย หรือผู้กระทำความผิดให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามจับกุม ผ่านหมายเลข 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาต่อไป

 สำหรับ ผู้กระทำความผิดฐานปลอมแปลงเงินตรา ระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 10-20 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-40,000 บาท หากรู้ว่าเป็นเงินปลอม แต่ยังนำมาใช้ ก็มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-15 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000- 30,000 บาท แต่หากได้มาโดยไม่รู้ หรือรู้ในภายหลัง แต่ยังนำออกมาใช้ โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอฝากเตือนไปยังประชาชนให้ใช้ความระมัดระวังในการใช้จ่ายเงินด้วย
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ไปธนาคาร ให้เข้าคิวตามระเบียบของเขา

ถ้านำเหรียญไปเข้าแล้วไม่รับ

แนะนำให้ทำหนังสือและแจ้งไปที่ ธปท. ตามลิงค์นี้

http://www.bot.or.th/Thai/Feedback/_layouts/Application/Feedback/Feedback.aspx

-http://www.bot.or.th/Thai/Feedback/_layouts/Application/Feedback/Feedback.aspx-




----------------------------------------------------------------------------------------------



ไทยพาณิชย์ โพสต์เสียใจ ข่าวธนาคารไม่รับฝากเงินเหรียญ เด็ก 5 ขวบ

-http://money.kapook.com/view94761.html-




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Lovemom Love Crochet

            ไทยพาณิชย์ โพสต์ชี้แจง ข่าวธนาคารไม่รับฝากเงินเหรียญ เด็ก 5 ขวบ บอกขออภัยและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เผยตักเตือนพนักงานแล้ว

            จากข่าวที่สร้างความข้องใจให้ใครหลาย ๆ คน สำหรับกรณีที่เด็กวัย 5 ขวบ นำเงินที่ได้จากการหยอดกระปุกมาฝากธนาคาร จำนวน 7,000 บาท แต่ธนาคารไม่รับฝาก เนื่องจากเป็นเงินเหรียญทั้งหมด โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมานั้น จากการตรวจสอบล่าสุด พบว่า ที่หน้าเฟซบุ๊ก SCB Thailand ของธนาคารไทยพาณิชย์ ได้มีการโพสต์ข้อความถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม โดยระบุว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้พูดคุยสร้างความเข้าใจกับครอบครัวของลูกค้ารายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ดังนี้
 
            "จากกรณีที่มีข่าว SCB สาขาบิ๊กซี หางดง 2 ปฏิเสธรับฝากเหรียญนั้น โดยเมื่อลูกค้าได้โพสต์ข้อความใน Facebook ส่วนตัวเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ทาง SCB ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เข้าไปขออภัยและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมในวันเดียวกันนั้นเลย เพื่อที่จะได้แก้ไขข้อบกพร่องในการบริการอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ผู้จัดการสาขายังได้ติดต่อเข้าพบเพื่อขออภัยลูกค้า และสร้างความเข้าใจอันดีกับลูกค้าและครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ

            ธนาคารมีความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ดำเนินการตักเตือนพนักงานตามระเบียบของธนาคาร พร้อมกับกำชับพนักงานทุกสาขาให้รักษามาตรฐานการให้บริการตามระเบียบของธนาคารอย่างเคร่งครัดค่ะ"




            ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ได้รับการเผยแพร่ผ่าน เฟซบุ๊ก Lovemom Love Crochet ที่โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2557 ระบุว่า...

            "เหรียญ 6,600 บาท ที่ลูกสาวหยอดกระปุกกับแบงก์ 400 ที่คุณแม่เติมให้ เป็น 7,000 บาท เราอุตส่าห์ช่วยกัน 3 คน พ่อ แม่ลูก นับใส่ถุงแล้ว พาลูกไปฝากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีหางดง 2 เชียงใหม่ แต่กลับถูกปฏิเสธหน้าหงายเงิบออกมา บอกว่าตู้เซฟเต็ม ไม่มีที่เก็บ ให้เอาไป ธ.กรุงเทพ ที่อยู่ติดกัน..

            เราหน้าแตกไม่เท่าไรค่ะ แต่สงสารลูก เขาภูมิใจมากที่จะได้ฝากเงินครั้งแรก มีสมุดบัญชีเล่มแรก น้องกลับถูกปฏิเสธออกมา น้อง 5 ขวบ ถามแม่ว่า "ทำไมเขาไม่รับฝากเงินหนูคะ" เด็กน้อยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คุณแม่ก็เลยได้แต่ปลอบน้องว่า "พี่เขาไม่ว่างค่ะลูก" ก็เลยพาลูกกลับบ้านก่อน ตั้งหลักใหม่ ไม่อยากให้ลูกผิดหวังซ้ำสอง"



   ซึ่งจากข้อความดังกล่าวนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของพนักงานธนาคาร พร้อมทวงถามว่า เงินเหรียญไม่มีค่าหรืออย่างไร หรือเป็นเพราะขี้เกียจนับเงิน และไม่ว่าจะเป็นเหรียญบาท เหรียญ 25 หรือ 50 สตางค์ พนักงานก็ต้องบริการลูกค้า เนื่องจากเงินไม่ว่าจะหน่วยเล็กแค่ไหนก็ถือว่าเป็นเงินเช่นกัน


http://money.kapook.com/view94761.html


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ใครๆ อาจจะมองว่าเหรียญบาท เหรียญ5บาท มีค่าน้อย แต่ในความเป็นจริงเหรียญกษาปณ์เหล่านี้สามารถใช้ฝากหรือชำระหนี้ได้ตามกฎหมายไม่ต่างจากธนบัตร เพียงแต่มีกฎเกณฑ์ที่ต้องเข้าใจ

วันเสาร์ 2 สิงหาคม 2557 เวลา 05:00 น.


-http://www.dailynews.co.th/Content/economic/256506/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%8D%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2!+%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9D%E0%B8%B2%E0%B8%81-


จากกรณีที่มีการแชร์ภาพและข้อความเหรียญผู้ปกครองพาลูกสาววัย5ขวบ นำเงินเหรียญที่หยอดกระปุกได้กว่า6600บาท ไปฝากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ แต่กลับถูกปฏิเสธว่าตู้เซฟเต็ม ไม่มีที่เก็บ ให้นำไปธนาคารพาณิชย์อื่นที่อยู่ติดกันนั้น ได้สร้างคำถามให้เด็กน้อยไร้เดียงสาว่า "ทำไมเขาไม่รับฝากเงินหนูคะ" จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์และข้อสงสัยในสังคมว่า การรับฝากเหรียญของธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบันใช้หลักเกณฑ์ใดในการตอบรับหรือปฏิเสธการรับฝาก มีค่าธรรมเนียมการรับฝากอย่างไร และหากธนาคารไม่รับฝากตัวลูกค้าเองจะต้องดำเนินการอย่างไรกับเหรียญที่เหมือนไร้ค่าในปัจจุบันนี้

เบื้องต้นจากการสอบถามไปยังศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ทราบว่า ปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้เข้าไปกำกับดูแลเรื่องการรับฝากหรือไม่รับฝากเหรียญกษาปณ์ของธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากเป็นการทำข้อตกลงของชมรมธนาคาร ซึ่งแต่ละธนาคารจะตั้งหลักเกณฑ์และค่าธรรมเนียมการรับฝากเหรียญกษาปณ์ไว้ อาทิ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร้อยละ1ของมูลค่าเหรียญกษาปณ์, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ฝากเงินไม่เกิน 2,000บาท ไม่คิดค่าบริการ หากยอดเงินฝากส่วนที่เกิน2,000บาท คิดร้อยละ1 ,ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 2 ของมูลค่าที่ฝากหรือแลกเงินทั้งหมดตั้งแต่100 เหรียญขึ้นไป, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) ไม่เกิน500เหรียญ ไม่คิดค่าธรรมเนียม ตั้งแต่ 501เหรียญขึ้นไป ร้อยละ1ของมูลค่ารวม, ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ร้อยละ2ของมูลค่ารวม หรือของยอดเงินฝากส่วนที่เกิน100บาท ยอดเงินฝากต่ำกว่า100บาท ไม่คิดค่าบริการ, ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) ตั้งแต่ 200เหรียญ ขึ้นไปอัตราค่าบริการร้อยละ2ของจำนวนรวมมูลค่าเหรียญขั้นต่ำ20บาท

ทั้งนี้ กฎกระทรวงได้กำหนดจำนวนเหรียญกษาปณ์ที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย กล่าวคือ เหรียญ1สตางค์ ชำระหนี้ได้ครั้งละไม่เกิน5บาท,เหรียญ5, 10, 25, 50สตางค์ ชำระหนี้ได้ครั้งละไม่เกิน10บาท,เหรียญ1บาท ชำระหนี้ได้ครั้งละไม่เกิน500บาท, เหรียญ5 บาท ชำระหนี้ได้ครั้งละไม่เกิน500บาทและเหรียญ10บาท ชำระหนี้ได้ครั้งละไม่เกิน1,000บาท

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) 1213

หากธนาคารพาณิชย์ปฏิเสธการรับฝากเหรียญ สามารถร้องเรียนมายัง ศคง. โดยส่ง Email มาที่ fcc@bot.or.thและระบุข้อมูลดังนี้

1. ชื่อ – นามสกุลจริงของผู้ร้องเรียน

2. ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ ที่สามารถติดต่อได้

3. สำเนาบัตรประชาชน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง

4. รายละเอียดเรื่องร้องเรียน

5. เอกสารหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ หากมีเหรียญเป็นจำนวนมาก สามารถรวบรวมเหรียญดังกล่าวไปแลกคืนได้ที่สำนักบริหารเงินตรา กรมธนารักษ์ โทร. 0-2280-7404-8

ขอบคุณข้อมูลจาก -http://www2.bot.or.th/feerate/internal.aspx?PageNo=1,http://www.treasury.go.th/ewt_news.php?nid=93&filename=index-
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
แนะผู้บริโภคซื้อสินค้าออนไลน์ อย่างมั่นใจไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ - ไขปัญหาผู้บริโภค


ทั้งนี้เมื่อผู้บริโภคตกลงซื้อขายสินค้าและโอนเงินไปแล้วกลับไม่สามารถติดต่อผู้ขายสินค้าได้หรือซื้อสินค้านั้นแล้วพบว่าสินค้านั้นเป็นของปลอม
วันเสาร์ 2 สิงหาคม 2557 เวลา 00:00 น.


-http://www.dailynews.co.th/Content/economic/256409/%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%84%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C+%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E++-+%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%84-



เมื่อเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคปัจจุบันยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คนในสังคมจึงเริ่มหันมาปรับตัวเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น หลายต่อหลายคนอาศัยความทันสมัยของระบบเทคโนโลยีเป็นช่องทางในการดำเนินธุรกิจซื้อขายดังเช่นระบบ  Social และเว็บไซต์ที่ต่างก็เปิดกว้างให้พ่อค้าแม่ขายทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ได้อย่างเสรี

ปัจจุบันการซื้อสินค้าผ่านระบบอินเทอร์เน็ตหรือที่เรียกว่า “การซื้อสินค้าออนไลน์” ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากมีความสะดวกสบาย ประหยัดเวลาและค่าเดินทาง ซึ่งข้อมูลของสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทยระบุว่าธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จะมีอัตราการเติบโตร้อยละ 25-30 หรือคิดเป็นมูลค่า 1.32-1.35 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มว่าธุรกิจดังกล่าว จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต

ธุรกิจออนไลน์นับเป็นการดำเนินกิจกรรมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายสินค้าผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยผู้ซื้อสินค้าและผู้ขายสินค้าไม่จำเป็นจะต้องพบเจอกันก็สามารถซื้อขายสินค้าได้โดยง่ายเนื่องจากขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้า การชำระเงินและการจัดส่งสินค้าจะดำเนินการติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์ซึ่งอาจส่งผลให้กลุ่มมิจฉาชีพแอบแฝงมาใช้ช่องทางดังกล่าวในการเอาเปรียบ หรือหลอกลวงผู้บริโภคได้ โดยการลงประกาศเสนอขายสินค้าหรือแอบอ้างว่าเป็นผู้แทนจากผู้ประกอบการนำเสนอขายสินค้าในราคาที่ถูกกว่าราคาทั่วไป

ทั้งนี้เมื่อผู้บริโภคตกลงซื้อขายสินค้าและโอนเงินไปแล้วกลับไม่สามารถติดต่อผู้ขายสินค้าได้หรือซื้อสินค้านั้นแล้วพบว่าสินค้านั้นเป็นของปลอม ผู้บริโภคจึงขาดความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์อื่น ๆ ที่มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

ดังนั้นสำนักงานคณะกรรมการผู้บริโภคจึงขอแนะนำการพิจารณาเลือกซื้อสินค้าออนไลน์เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีความระมัดระวังสักนิดก่อนที่จะเลือกซื้อสินค้าบนช่องทางอินเทอร์เน็ตดังนี้

ผู้บริโภคควรเลือกซื้อสินค้าจากผู้ขายสินค้าที่มีการจดทะเบียนร้านค้ากับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบประวัติการขายสินค้าของผู้ขาย ตรวจสอบแหล่งที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้และไม่ควรสั่งซื้อสินค้า จากผู้ประกาศขายสินค้าที่ไม่สามารถอ้างอิงแหล่งที่อยู่ได้อย่างชัดเจน

หากผู้ขายมีบริการชำระผ่านบัตรเครดิตผู้บริโภคควรชำระค่าสินค้าผ่านบัตรเครดิตเพราะหากเกิดปัญหาเกี่ยวกับการซื้อขายสามารถระงับการชำระค่าสินค้าได้ในกรณีที่ต้องโอนเงินชำระสินค้าให้ก่อนควรตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์หลักฐานการโอนและเลขบัญชีผู้รับโอนปลายทางเพื่อป้องกันการหลอกลวงจากกลุ่มมิจฉาชีพและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
 เลือกบัตรเครดิตผิด! ทำไงดี???
 
-http://www.komchadluek.net/detail/20140801/189351.html-

 
         คุณเพิ่งได้รับบัตรเครดิตที่คุณสมัครไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พร้อมวงเงินที่น่าพอใจ ซึ่งอาจจะเป็นบัตรเครดิตประเภทคืนเงิน บัตรเครดิตช้อปปิ้ง บัตรเครดิตสะสมแอร์ไมล์ แต่เมื่อคุณใช้ไปได้สักพัก คุณกลับรู้สึกว่า ตายล่ะ! สไตล์การใช้เงินของเราไม่เหมาะกับบัตรเครดิตประเภทนี้เลย ทำอย่างไรดี วันนี้ MoneyGuru.co.th ขอเอาเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาสถานการณ์นี้มาฝากกัน
 
 
         วิธีแก้ทั่วไป
         จริงๆ แล้ววิธีแก้ปัญหานั้น จะรู้ได้ ก็ต่อเมื่อเรารู้ว่าเรามีปัญหากับเจ้าบัตรนี้ที่จุดไหน แต่คร่าวๆ ก็คือ เราอยากจะ "ปิดบัตรเครดิต" นั้นทิ้ง แล้วสมัครบัตรใหม่ ซึ่งถามว่าทำได้หรือไม่ ต้องบอกว่าทำได้ แต่สิ่งที่คุณต้องระวังคือ ผลกระทบต่อเครดิตบูโร เพราะเครดิตบูโรที่ดีจะขึ้นอยู่กับความยาวนานของการคงบัญชีบัตรเครดิตเอาไว้ เพราะฉะนั้น หากคุณต้องการยกเลิกจริงๆ ยิ่งคุณรู้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี หลังจากนั้น รีบเลือกบัตรเครดิตที่ดีที่สุดสำหรับคุณ แล้วสมัครบัตรเครดิตนั้นเสีย และหลังจากนั้น ก็ใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัย ก็สามารถสร้างเครดิตบูโรให้กลับมาดีตามเดิมได้ หรือถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร การเปิดบัตรเครดิตเพิ่มอีกซักหนึ่งใบ ก็ไม่เสียหายอะไร และอาจจะเป็นข้อดีด้วยซ้ำ เพราะคุณจะได้รับวงเงินรวมมากขึ้น และการคิดคะแนนเครดิตบูโรอีกส่วนหนึ่งคือ อัตราส่วนยอดการใช้จ่ายต่อวงเงิน เพราะฉะนั้น ยิ่งวงเงินเยอะ ยิ่งดีนั่นเอง
 
         อย่างไรก็ตาม หากมาดูกันเจาะลึกถ้าแต่ละคนมีปัญหากับบัตรเครดิตของตนเองต่างกัน แล้วเราจะแก้อย่างไร?
 
         มีปัญหากับบัตรเครดิตเงินคืน
         คุณได้รับบัตรเครดิตแบบเน้นการคืนเงินจากการช้อปปิ้งมา 1 ใบ และเน้นว่าจะได้มากเมื่อช้อปปิ้งกับศูนย์การค้า A และในเครือเท่านั้น เวลาผ่านไปสองเดือน คุณมีเหตุให้ต้องย้ายบ้าน และในละแวกบ้านคุณไม่มีห้างสรรพสินค้าดังกล่าวแล้ว ส่งผลให้คุณไม่สามารถช้อปปิ้ง และได้รับเงินคืนอีกต่อไปเหมือนที่ตั้งใจไว้ จึงทำให้คุณอยากปิดบัตรนั้นเสีย  สำหรับวิธีแก้คือ ลองยกหูโทรศัพท์หาธนาคารเจ้าของบัตรดู และเล่าสถานการณ์ให้ฟัง ธนาคารมักมีปัตรเครดิตเงินคืนมากกว่าหนึ่งบัตร บางทีธนาคารสามารถอณุญาตให้คุณเปลี่ยนบัตรเป็นบัตรประเภทอื่นได้ เพียงแค่คุณต้องระวังในเรื่องค่าธรรมเนียมรายปี อัตราดอกเบี้ยที่อาจเปลี่ยนแปลงไปจากบัตรเดิมแค่นั้นเอง
 
         มีปัญหากับบัตรเครดิตสะสมแอร์ไมล์ หรือสะสมคะแนน
         ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มักมีคนมีปัญหากับบัตรเครดิตแบบสะสมแอร์ไมล์มากขึ้น เพราะอัตราการแลกที่สูงขึ้น หรือข้อจำกัดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นเวลาแลกจริงๆ เพราะฉะนั้น ทำให้การแลกไมล์ เพื่อได้ตั๋วเครื่องบิน หรือส่วนลดทำได้ยากกว่าเดิม หรือไม่ก็ต้องใช้จ่ายมหาศาล กว่าจะได้ตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นซักหนึ่งใบ สิ่งนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับบัตรเครดิตสะสมคะแนนเพื่อแลกของรางวัลเช่นเดียวกัน ที่ของแต่ละชิ้นที่คุณอยากได้ ต้องใช้คะแนนสูงมากจนแทยจะเป็นลมเลยทีเดียว แล้วแถมบัตรเครดิตพวกนี้ มีค่าธรรมเนียมรายปีแพงเสียด้วยสิ ทำให้คุณกลับมาคิดใหม่ว่า นี่เราทำบัตรเครดิตอันนี้แล้วจะคุ้มค่าจริงหรืออ? 
 
         วิธีแก้คือ คล้ายๆ กับข้อแรก คือ ติดต่อกับธนาคาร ลองดูว่าเขาอนุญาติให้คุณสมัครบัตรใหม่ที่อาจจะได้สิทธิพิเศษน้อยลง แต่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปีเท่าเดิมได้หรือไม่ ส่วนบัตรเครดิตสะสมแอร์ไมล์นั้น ด้วยความที่เป็นบัตรเครดิตประเภทร่วมธุรกิจของธนาคารกับสายการบิน อาจจะเป็นการยากที่คุณจะเปลี่ยนไปสู่บัตรร่วมของสายการบินอื่น แต่คุณอาจเปลี่ยนไปยังบัตรร่วมกับสายการบินเดิม ที่ต่ำลงมา และเสียค่าธรรมเนียมน้อยลง เป็นต้น
 
         หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกซื้อบัตรเครดิต เราอยู่ข้างคุณเสมอที่ -www.moneyguru.co.th-
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
 เงินทองต้องรู้ : คนแคระทั้งเจ็ด : โดย...ขวัญชนก วุฒิกุล
-k_wuttikul@hotmail.com-


-http://www.komchadluek.net/detail/20140801/189224.html-

 
                           ในขณะที่ “คนแคระทั้งเจ็ด” เป็นเพื่อนตัวเล็กที่แสนดี ผู้ให้ที่พักพิงกับสโนไวท์ เจ้าหญิงน้อยแสนสวยในเทพนิยายของพี่น้องตระกูลกริมม์ ที่ถูกราชินีแม่เลี้ยงใจร้ายริษยาในความงามจนหาทางกำจัดเธอทุกวิธี แต่สำหรับ “เงินทองต้องรู้” วันนี้ “คนแคระทั้งเจ็ด” กลับมีความหมายในทางตรงข้าม เพราะหมายถึง “อุปสรรค 7 ประการ” ที่ทำให้หลายคนไม่สามารถบรรลุเป้าหมายชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุข เพราะถูกทำให้ “แคระแกร็น” เสียก่อน
 
                           เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ผลวิจัยการเตรียมความพร้อมการวางแผนการเงินของคนวัยทำงาน” โดยสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน วัตถุประสงค์ก็เพื่อติดตามพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นวัยทำงาน อายุ 40-60 ปี เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมกับวัยเกษียณ
 
                           ตลอดระยะเวลาหลายชั่วโมงของการนำเสนอผลวิจัย ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดทำบทสรุปฉบับย่อ โดยระบุว่า กลุ่มคนทำงานช่วงอายุ 40-60 ปี ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงินเพื่อเกษียณ และมีอัตราการออมและอัตราการใช้เงินออมอยู่ในระดับที่ไม่น่าเป็นห่วงมากนัก ซึ่งหากแยกกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 3 กลุ่ม พบว่า เป็นกลุ่มเกษียณสุข 44% เกษียณพอเพียง 27% และเกษียณทุกข์ 29%
 
                           บทวิจัยของ ดร.บุญเลิศ จิตรมณีโรจน์ จากสถาบันวิจัยเพื่อการประเมินและออกแบบนโยบาย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บ่งชี้ว่า กลุ่มตัวอย่างที่ตกอยู่ในกลุ่มเกษียณทุกข์จำนวน 29% นั้น มี “ข้อผิดพลาด” ในการวางแผนเพื่อเกษียณอยู่ 7 ประการ ทำให้คนที่อยู่ในวัยนี้มีเงินออมไม่พอใช้หลังเกษียณ
 
                           “ข้อผิดพลาด” ที่ทำให้เงินออมกลายเป็น “แคระแกร็น” ทั้งเจ็ดประการ คือ เริ่มวางแผนการเงินช้าเกินควร มีความมั่นใจมากเกินควร ไม่มีความเข้าใจด้านการวางแผนเท่าที่ควร ประมาณค่าใช้จ่ายหลังเกษียณน้อยเกินควร ประมาณอายุคาดเฉลี่ยน้อยเกินควร ออมเงินไว้น้อยเกินควร และเกษียณอายุก่อนกำหนดเร็วเกินควร
 
                           ลองแยกดูทีละเรื่อง เริ่มจากเรื่องแรก “เริ่มวางแผนการเงินช้าเกินควร” บทวิจัยระบุว่า คนส่วนใหญ่รู้จักวางแผนการออม ที่มุ่งเน้นการออมเงินในช่วงวัยทำงาน แต่ขาดความรู้ความเข้าใจด้านการวางแผนเกษียณ ซึ่งมุ่งเน้นที่รายได้ในวัยหลังเกษียณ ผลการสำรวจพบว่า คนทำงานช่วงอายุ 21-30 ปี เริ่มวางแผนเกษียณในสัดส่วน 20% อายุ 31-40 ปี สัดส่วน 27% อายุ 41-50 ปี สัดส่วน 35% และอายุระหว่าง 51-60 ปี คิดเป็น 19%
 
                           ดังนั้น อายุเฉลี่ยในการเริ่มวางแผนเกษียณจึงอยู่ที่ 42 ปี ซึ่งช้าเกินไป !
 
                           มีการตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงก่อนอายุ 40 ปี เราอาจให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินเพื่อเรื่องอื่นก่อน เช่น ซื้อรถ ซื้อบ้าน แต่งงาน รวมทั้งท่องเที่ยวและสันทนาการ
 
                           ข้อผิดพลาดประการที่ 2  การวางแผนด้วยความมั่นใจมากเกินควร เพราะทั้งๆ ที่กลุ่มตัวอย่างที่ไม่เคยวางแผนเพื่อการเกษียณเลย แต่กลับมั่นใจว่า คุณภาพชีวิตหลังเกษียณจะใกล้เคียงกับปัจจุบัน มีสัดส่วนสูงถึง 43% ส่วนอีก 28% เชื่อว่าคุณภาพชีวิตจะดีขึ้นกว่าปกติ สิริรวมแล้วกลุ่มนี้มีสัดส่วนสูงถึง 71% ขณะที่คนที่ไม่แน่ใจมีจำนวน 22% และคนที่เชื่อว่าชีวิตหลังเกษียณจะแย่กว่าปัจจุบัน มีจำนวนเพียง 7%
 
                           มีผลสำรวจพนักงานชาวอเมริกันจำนวน 1,057 คน เมื่อปี 2552 พบว่า มีเพียง 47% ที่เคยวางแผนเพื่อการเกษียณ แต่มีคนมากถึง 61% ที่ตอบว่า ตนเองมีความมั่นใจมากและมากที่สุดที่จะมีเงินเพียงพอสำหรับใช้จ่ายหลังเกษียณ ซึ่งก็อาจจะสะท้อนได้ว่า “หลักคิด” ในเรื่องนี้ไม่ว่าจะชาติใด ก็น่าจะใกล้เคียงกัน
 
                           ข้อผิดพลาดประการที่ 3  ไม่มีความเข้าใจด้านการวางแผนเท่าที่ควร ทั้งนี้ เพราะกลุ่มตัวอย่างคาดว่าจะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในสัดส่วนที่สูงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น และละเลยผลของเงินเฟ้อในอนาคต โดยจากผลสำรวจพบว่า ในปัจจุบันกลุ่มตัวอย่างคาดว่าจะลงทุนในหุ้น 11% และเพิ่มเป็น 18% ในวัยเกษียณ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว กฎของการลงทุนในหุ้นข้อหนึ่ง ก็คือ สัดส่วนการลงทุนในหุ้น เท่า 100 ลบด้วยอายุ แปลว่า ยิ่งอายุมากขึ้น สัดส่วนการลงทุนในหุ้นยิ่งควรจะลดลง
 
                           ส่วนข้อผิดพลาดประการที่ 4 ประมาณค่าใช้จ่ายหลังเกษียณน้อยเกินควร โดยสัดส่วนค่าใช้จ่ายในปีแรกหลังเกษียณต่อรายได้ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ ที่กลุ่มตัวอย่างใช้ในการวางแผนมีค่าเฉลี่ยเพียง 34% ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับ 70% ซึ่งเป็นค่าขั้นต่ำที่นิยมใช้ในการวางแผนทางการเงิน
 
                           ข้อผิดพลาดประการที่ 5  การประมาณอายุขัยเฉลี่ยน้อยเกินควร โดยอายุคาดเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างเพศชาย คือ 76.5 ปี ซึ่งมากกว่าอายุคาดเฉลี่ยของประชากรชายไทยซึ่งอยู่ที่ 74 ปี ดังนั้น ผู้ชายส่วนใหญ่มีโอกาสที่จะเผชิญกับความเสี่ยงด้านสุขภาพชีวิต เพราะพยายามใช้เงินในช่วงหลังเกษียณน้อยๆ เพื่อจะได้มีเงินใช้ตลอดช่วงอายุ ขณะที่อายุคาดเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างเพศหญิง คือ 76.6 ปี น้อยกว่าอายุคาดเฉลี่ยของประชากรหญิงไทยซึ่งอยู่ที่ 79 ปี ดังนั้น ผู้หญิงส่วนใหญ่มีโอกาสที่จะเผชิญกับความเสี่ยงที่เกิดจากการมีชีวิตอยู่ยืนยาวกว่าที่คาดไว้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เงินออมเพื่อเกษียณหมดก่อนสิ้นอายุขัย เพราะพวกเธอคิดว่า อายุจะสั้น ทั้งๆ ที่จริง อายุคาดเฉลี่ยของผู้หญิงยืนยาวกว่านั้น
 
                           มาถึงข้อผิดพลาดประการที่ 6  การออมเงินไว้น้อยเกินควร ถ้าพิจารณาสินทรัพย์เพื่อการเกษียณไม่รวมอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จะมีเงินออมไม่เพียงพอสำหรับวัยเกษียณ แต่ถ้ารวมอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จะมีเงินออมเพียงพอสำหรับวัยเกษียณ
 
                           และข้อผิดพลาดประการสุดท้าย  การเกษียณอายุก่อนกำหนด โดยพบว่า 28% ของกลุ่มตัวอย่างต้องการเกษียณก่อนกำหนด แต่ผู้ที่ต้องการเกษียณก่อนกำหนดส่วนใหญ่มีเงินออมไม่เพียงพอสำหรับวัยเกษียณ
 
                           บทวิจัยยังปิดท้ายด้วยการสรุปว่า กลุ่มของผู้ตอบที่มีโอกาสเงินไม่พอใช้หลังเกษียณ ได้แก่ 1.เพศหญิง อายุ 51-60 ปี 2.เป็นกลุ่มที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงในการลงทุนได้เลย  และ 3.เป็นกลุ่มที่ขาดการได้รับความรู้หรือขาดความเข้าใจหรือไม่เคยวางแผนเกษียณ
 
                           ส่วนตัวแล้วเกลียดคำว่า “มนุษย์ป้า” เพราะรู้สึกไม่แฟร์กับคนที่ไม่ได้ตั้งใจมีพฤติกรรมเบียดเบียนหรือเบียดบังคนอื่น แต่อาจจะทำอะไรไม่ถูกที่ถูกทาง เพราะความ “ไม่รู้” กฎกติกามารยาทที่ “คนรุ่นใหม่” สร้างขึ้น แต่พอเอาเข้าจริง เมื่อเขียนมาถึงย่อหน้าสุดท้ายก็อดนึกถึง “มนุษย์ป้ากับคนแคระ (แกร็น) ทั้งเจ็ด” ไม่ได้
 

-------------------------------
 
(เงินทองต้องรู้ : คนแคระทั้งเจ็ด : โดย...ขวัญชนก วุฒิกุล -k_wuttikul@hotmail.com-)
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ทริคช้อปออนไลน์ให้ปลอดภัย ที่นักช้อปต้องรู้ !

-http://money.kapook.com/view94640.html-


ช้อปออนไลน์ ให้ปลอดภัย คุ้มจ่าย ได้ของ ไม่โดนปล้น (Lisa)

          สนุกกับการช้อปผ่านเว็บไซต์กันบ่อย ๆ ล่ะสิ บอกเลยว่า อะไรที่ดูง่าย ๆ อาจแฝงมากับความไม่ปลอดภัย ยิ่งยุคนี้มีกลลวงมากมายให้เรากลายเป็นเหยื่อได้โดยไม่รู้ตัว

          ประการแรกนั่นคือ สินค้าที่เราเล็งไว้ไม่ได้เห็นด้วยตา จับด้วยมือ หรือสวมใส่ก่อนซื้อจริง บ้างก็สวยเว่อร์อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าระดับโปรเฟสชันแนล รู้ดีว่าภาพสวย ๆ นั้นจะทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการง่ายขึ้น ฉะนั้นผู้ซื้ออย่างเราต้องเตรียมใจไว้ด้วยว่าอาจจะโดนหลอกได้ด้วยภาพ นอกจากว่าสินค้าชิ้นนี้ แบรนด์นั้นเรารู้จักดีอยู่แล้วอย่างไรก็ตาม "ของสวยแต่รูป" นี้ยังเป็นความ "ไม่เวิร์ก" ที่เบสิกมากสำหรับนักช้อปออนไลน์ เพราะพิษภัยอันตรายจากการช้อปปิ้งด้วยวิธีนี้มันลามไปได้ไกลกว่านั้น

แม่ค้าวายร้าย-เชิดเงินหนี

          คุณชิ แม่ค้าออนไลน์ได้มาระบายความทุกข์ใจไว้ในเว็บไซต์พันทิปเพื่อเป็นอุทาหรณ์พร้อมประจานความขี้โกงของ แม่ค้าออนไลน์ด้วยกัน ที่เชิดเงินค่ารองเท้าของเธอไปหลายพันบาท เธอไม่ใช่คนเดียวที่โดนหลอกให้จ่ายเงินไปก่อน แต่ยังมีลูกค้าเพจเฟซบุ๊กขายรองเท้านี้อีกหลายรายที่เสียเงินไปแต่ไม่ได้ของ รวม ๆ แล้วผู้ร้ายในคราบเจ้าของร้านออนไลน์ได้เงินไปร่วมแสน หนำซ้ำยังไม่แคร์ที่โดนลูกค้าเข้ามาด่าผ่านสื่อ เพราะการแจ้งความของคุณชิ กลับทำอะไรคนขายไม่ได้

          กรณีเช่นนี้ นักช้อปออนไลน์ตัวยงไม่หลงกลง่าย ๆ แต่หลายครั้งก็พลาดได้ เพราะความไว้ใจและราคาออนไลน์มันยวนใจนัก (สินค้าออนไลน์มักราคาถูกกว่าในช็อปเนี่ยสิ) แถมส่งของถึงบ้านอีกต่างหาก เลยกลายเป็นช่องทางหาเงินของมิจฉาชีพ เพราะการซื้อของออนไลน์ต้องชำระเงินก่อนเท่านั้นจึงจะจัดส่ง เนื่องจากแม่ค้าก็กลัวถูกลูกค้าโกงในทางกลับกัน

          นอกเหนือไปจากการเชิดเงินหนี อีกกลโกงที่พบเจอบ่อย ๆ คือแม่ค้าวายร้ายขายของปลอม โดยใช้ราคาที่ถูกเว่อร์เป็นตัวล่อ มักเกิดขึ้นกับสินค้าแบรนด์เนมทั้งหลาย อย่างไรก็ตามถึงจะโดนเชิดเงินหรือได้ของย้อมแมว ผู้ซื้ออย่างเรายังพอจะป้องกันตัวเองได้ และสามารถแจ้งความดำเนินคดี แต่หากเป็นเว็บช้อปปิ้งออนไลน์ที่รับจ่ายด้วยบัตรเครดิต ภัยที่ตามมาน่าปวดหัวกว่าเยอะ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าบัตรเราอาจจะ ถูกนำไปใช้โดยบุคคลที่สาม

ช้อปออนไลน์

 ขโมยข้อมูลบัตรเครดิตทำได้

          ช่วงคริสต์มาสปลายปี 2556 มีรายงานข่าวว่า แฮกเกอร์แดนมะกันทำแสบ ฉกข้อมูลบัตรเครดิตนับล้านใบไปขายในตลาดมืดและบนอินเทอร์เน็ต บางธนาคารไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ ส่วนบางแห่งก็ยังลังเลว่าจะยกเลิกบัตรดีหรือไม่เพราะใกล้ช่วงเทศกาลที่คนจับจ่ายใช้สอยมากกว่าปกติ จึงแก้ปัญหาด้วยการซื้อข้อมูลลูกค้ากลับมาจากตลาดมืด โดยปกปิดเรื่องนี้ไว้ หวานคอแฮกเกอร์เลยสิ

          วิธีการขโมยข้อมูลบัตรเครดิตง่ายนิดเดียว คือ สร้างหน้าเว็บปลอมสวมรอยหน้าเว็บจริง หรือที่เรียกว่า เว็บ Phishing เพื่อดักขโมยข้อมูลซึ่งมีหลายรูปแบบมากทั้งแบบหน้าเว็บร้านค้า ธนาคาร หรือเว็บจ่ายเงิน ฉะนั้นไม่ว่าเราจะเป็นคนชาติไหน หากเข้าไปซื้อของออนไลน์ที่โยงใยกันทั่วโลก โดยเฉพาะเว็บแบรนด์เนมสากลต่าง ๆ ก็มีสิทธิ์โดนทั้งนั้น อย่างในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 ที่พบว่าการหลอกลวงในรูปแบบฟิชชิ่งเพิ่มขึ้นถึง 585% เลยทีเดียว โดยครอบคลุมแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมากกว่า 300 แบรนด์ทั่วโลก

          นอกจากนี้ก็ยังมีวิธีหลอกล่อให้ดาวน์โหลดมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว จำพวกป๊อปอัพให้คลิกดาวน์โหลดเป็นต้น โปรแกรมมัลแวร์ก็จะเข้าไปสิงสู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้าเป็นโน้ตบุ๊กหรือคอมพิวเตอร์ที่โยงเป็นระบบเครือข่ายอย่างในสถานที่ทำงาน ก็จะทำลายระบบและโจรกรรมข้อมูลกันได้ง่ายๆ การช้อปปิ้งออนไลน์กลายเป็นการขายข้อมูลบริษัทไปซะงั้น รู้อย่างนี้แล้ว สาวๆ ต้องป้องกันตัวเองให้ดี ที่สำคัญอย่าเผลอหลงเชื่อกลต่างๆ ไม่ว่าราคาที่ยวนใจปิดปกติ การโหลดข้อมูลที่ไม่ต้องการ และเช็กตรวจสอบฟีดแบ็กของผู้ขายนั้นๆ บ้างหากมีช่องทาง เพื่อความปลอดภัยสบายใจไว้ก่อน

ถ้าโดนโกงทำอะไรได้บ้าง

          สำหรับภัยร้ายที่เกิดจากกลโกงของแม่ค้า หากเป็นการโอนเงินผ่านธนาคาร สามารถแจ้งธนาคารว่า เป็นการโอนผิดบัญชี ธนาคารก็จะตรวจสอบไปยังบัญชีปลายทาง หากแม่ค้ามีใบเสร็จยืนยันหรือหลักฐานการขายสินค้าก็แล้วไป แต่ถ้าไม่มีธนาคารก็จะโอนเงินกลับมายังบัญชีเรา นอกจากนี้หากมีผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกับเราเยอะ ให้รวมตัวกันและนำหลักฐานที่โดนโกงไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ถ้ามียอดโกงมากถึงขั้นแถลงข่าวกันได้เลย

ช้อปอย่างไรให้ปลอดภัย

          • เลือกช้อปกับร้านค้าที่จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ หรือช้อปผ่านเว็บไซต์ขายของอย่าง Weloveshopping และ Tarad เป็นต้น เพราะแม่ค้าพ่อค้าในนี้ต้องลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชน และหมายเลขบัญชี อย่างน้อยถ้าโกงเราก็ยังสามารถตามตัวได้ง่าย

          • สินค้าที่มีราคาสูงอาจต่อรองด้วยการขอจ่ายมัดจำก่อน และนัดดูของกัน เมื่อรับสินค้าเรียบร้อยจึงจ่ายเงินที่เหลือให้

          • ถ้ากลัวถูกแฮกข้อมูลบัตรเครดิตต้องพิจารณาก่อนคลิกทุกครั้งที่เปิดหน้าเว็บเพจใด ๆ ก็ตาม โดยเฉพาะ Web search เช่น Google, MSN และ Yahoo พวกนี้เป็นเว็บที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นที่รวมของลิงก์ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งอาจมีลิงก์มัลแวร์แฝงตัวอยู่ และเมื่อจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวอย่างข้อมูลบัตรเครดิต ก็สังเกตที่ช่อง URL ว่ามีการเข้ารหัสความปลอดภัยแบบ https รึเปล่า

          • อัพเดตโปรแกรมแอนตี้ไวรัส หมั่นสแกนไวรัสและมัลแวร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่เสมอ จะได้ไม่ถูกโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวไปแบบไม่รู้ตัว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก-http://www.lisaguru.com/wp/blog/smart/v15n14-featured/-

.


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)